CIG เซ็นรับออร์เดอร์"แคร์เรีย สิงคโปร์"งวดแรก ก.ย.นี้ อายุสัญญา 3-5 ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 10, 2009 10:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอารีย์ พุ่มเสนาะ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ซี.ไอ.กรุ๊ป(CIG)กล่าวกับ“อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทยืนยันว่าจะได้รับคำสั่งซื้อจากแคร์เรียประเทศสิงคโปร์แน่นอน โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบเครื่องจักรในขั้นตอนสุดท้าย และคาดว่าคำสั่งซื้อล็อตแรกจะเริ่มในเดือน ก.ย.นี้ คาดว่าระยะเวลาในช่วงที่ส่งออร์เดอร์จะมีมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท/สัปดาห์ ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อคอยล์ในการทำความเย็น เบื้องต้นคาดว่าจะมีอายุสัญญา 3-5 ปี ปริมาณการส่งสินค้าแต่ละช่วงขึ้นกับคำสั่งของทางแคร์เรียสิงคโปร์

“ตอนนี้มั่นใจว่าจะได้ออเดอร์จากแคร์เรียสิงคโปร์ เพราะเหลือแค่ทดสอบการผลิตขั้นสุดท้าย วันนี้ก็จะเดินทางไปสรุปสัญญาที่สิงคโปร์ และเริ่มผลิตได้ภายในเดือนนี้ และจะรับรู้รายได้ในเดือนนี้เลยแต่ไม่มากนักซึ่งจะเห็นรายได้ชัดเจนในไตรมาส4/52"นายอารีย์ กล่าว

สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปี 52 ตั้งเป้ารายได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้ 1.45 พันล้านบาท เนื่องจากครึ่งปีแรกทำรายได้แล้ว 452 ล้านบาท ดังนั้น การที่รายได้ใกล้เคียงกับปีก่อนเป็นเรื่องที่ต้องทำพยายามทำให้ได้ ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/52 บริษัทคาดว่ารายได้จะดีกว่าไตรมาส 2/52 และรายได้ไตรมาส 4/52 จะกลับมาดีอย่างชัดเจน ซึ่งจะส่งผลให้เป้าหมายของบริษัทที่วางไว้เกิดขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม ช่วงครึ่งปีแรกที่บริษัทขาดทุน 45 ล้านบาท บริษัทจะเร่งให้กลับมามีกำไรในครึ่งปีหลัง และหวังว่าทั้งปีบริษัทจะมีผลประกอบการเป็นกำไรสุทธิ

นอกจากนี้ บริษัทยังมีการควบคุมต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ ลดอัตราการสูญเสียจากการผลิต ควบคุมสต็อกทองแดงให้เหมาะสม โดยปัจจุบันราคาทองแดงอยู่ที่ระดับ 7.5 พันดอลลาร์สหรัฐ/ตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาส 1/52 ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจหดตัว ราคาทองแดงอยู่ที่ 2 พันดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ซึ่งบริษัทต้องบริหารจัดการให้ดี แต่ยังถือว่าดีกว่าปีก่อนที่ราคาทองแดงขึ้นไปถึง 8.5 พันดอลลาร์สหรัฐ/ตัน

"ขณะนี้แนวโน้มราคาทองแดงคาดว่าจะอยู่ในระดับ 7 พันดอลลาร์สหรัฐ/ตัน หรืออ่อนตัวลดลงเล็กน้อย ไม่น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก"นายอารีย์ กล่าว

อนึ่ง CIG ขาดทุนปี 51 เท่ากับ 16.73 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.07 บาท ลดลงจากปี 50 ที่กำไร 107.11 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.61 บาท

ในส่วนของราคาหุ้น CIG ที่ปรับเพิ่มขึ้น นายอารีย์ กล่าวว่า เป็นไปตามภาวะตลาดหลักทรัพย์และการคาดหมายจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ซึ่งมีแนวโน้มดีขึ้น นอกจากนี้การที่ บมจ.อินเตอร์แนชั่นเนิล เอ็นจิเนียริง(IEC)เข้ามาถือหุ้นเกินกว่า 5% นั้น คาดว่าเป็นการเข้าลงทุนของ IEC ที่มองปัจจัยพื้นฐานเช่นเดียวกัน เพราะในเชิงธุรกิจไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด

“IEC ปรกติก็ลงทุนในหลักทรัพย์อยู่แล้วถือว่าการเลือกลงทุนในหุ้นหุ้น CIG น่าจะมาจากปัจจัยพื้นฐาน ถือว่าให้เกียรติหุ้นเราและสร้างกำลังใจในการทำงาน แต่โดยส่วนตัวไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับกลุ่มคุณสัณหจุฑาเคยแต่พูดคุยกันตามงานและไม่มีความเกี่ยวโยงกับ IEC และไม่เคยเข้ามาคุยกันว่าจะเข้ามาถือหุ้นแต่อย่างใด"นายอารีย์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ