นายวิชา โตมานะ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บมจ.เกียรติธนา ขนส่ง(KIAT) กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะสามารถนำ KIAT เข้าจดทะเบียนตลาดหุ้น mai ได้ในช่วงปลายไตรมาส 3/52 หรือช่วงต้นไตรมาส 4/52 แม้ก่อนหน้านี้จะเลื่อนออกมาจากที่กำหนดไว้ในวันที่ 18 ก.ย.52 เพื่อหลีกทางให้หุ้น IPO ขนาดใหญ่ตัวอื่น แต่หลังจากงบการเงินของบริษัทในช่วงไตรมาส 3/52 ออกมาดี ทำให้มีการปรับแผนอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม จากภาวะปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์กลับมาคึกคัก และดัชนี SET สูงเหนือกว่า 700 จุดแล้ว แต่ KIAT คงไม่ปรับเพิ่มช่วงราคาหุ้น IPO ที่กำหนดไว้ 4.50-4.80 บาท เพราะถือว่าเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทแล้ว
"ขณะนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงราคาขายหุ้น IPO ของเกียรติธนา ที่กำหนดช่วงราคาไว้ที่ 4.50-4.80 บาท แม้ดัชนีฯ จะทะลุ 700 จุดขึ้นไปแล้ว เพราะการที่ตลาดปรับเพิ่มขึ้นช่วงนี้เพราะนักลงทุนเปลี่ยนไปเล่นหุ้นบิ๊กแคป หุ้นใน mai ไม่ดีนัก เราต้องการรอจังหวะเวลาที่เหมาะสมและแน่ใจว่าจะส่งผลดีต่อหุ้นก่อนจึงค่อยเข้าตลาด"นายวิชา กล่าว
นายวิชา กล่าวว่า แม้ว่าในช่วงเดือน ก.ย.52 จะมีหุ้น IPO ที่มีขนาดใหญ่หลายตัวเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น อาทิ บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต และ บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์(ประเทศไทย) กำลังจะเสนอขายหุ้น IPO แต่เมื่อพิจารณาแล้ว บริษัท เกียรติธนา สามารถรักษาอัตราการเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิราว 10% ทุกปี มีรายได้มั่นคงจากการทำสัญญาระยะยาวและมีการต่อสัญญากับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ หุ้น IPO ขอองบริษัทก็น่าจะได้รับความสนใจ
ด้านนายเกียรติชัย มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการ KIAT เปิดเผยว่า บริษัทยังคงมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะขยายตัวต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีรายได้ 481.2 ล้านบาท เพราะบริษัทฯ ได้รับประโยชน์จากการขนส่ง NGV ซึ่งมีมูลค่าสัญญาทั้งหมด 250 ล้านบาทเข้ามาสนับสนุน โดยทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว น่าจะส่งผลดีต่อการขนส่งของลูกค้าหลักและลูกค้ารายใหม่ๆ ที่เข้ามาใช้บริการกับบริษัทฯ อีกด้วย
อนึ่ง งานขนส่ง NGV มูลค่า 250 ล้านบาท ของ บมจ.ปตท.(PTT)จะรับรู้รายได้ภายในไม่ถึง 24 เดือน หรือเดือนละ 10 ล้านบาท หรือไม่เกิน 2 ปี ส่วนราคาน้ำมันถ้าปรับขึ้น เราคงต้องปรับราคาค่าขนส่งขึ้นเช่นกัน
ในส่วนเงินที่จะได้รับจากการระดมทุนคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท จากการเสนอขายหุ้นจำนวน 40 ล้านหุ้น ซึ่งเงินดังกล่าวบริษัทฯ จะใช้สำหรับการซื้อรถยนต์เพิ่ม และรองรับการขยายธุรกิจขนส่ง โดยมีแผนจะขยายการขนส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศลาว ซึ่งคาดว่าคงจะเริ่มได้ภายในปีนี้และปีหน้า
"มั่นใจว่าการขายหุ้น IPO ก็คาดว่าน่าจะขายได้ภายในปีนี้แน่นอน เพราะต้องการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีและนำเงินไปใช้ขยายกิจการในอนาคต ซื้อรถเพิ่ม ใช้สำหรับการลงทุนประมูลงานใหม่ อย่างงานของ ปตท. 5 โครงการ "นายเกียรติชัย กล่าว