นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์(AP) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินใหม่ในปี 53 ราว 4 พันล้านบาท สูงขึ้นจากปีนี้ที่ใช้ไปเพียง 1-2 พันล้านบาท จากที่ตั้งเป้าไว้ 3.5 พันล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทมีแผนงานในมือที่จะพัฒนาโครงการใหม่ 11 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่จะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3/52 และ ไตรมาส 4/52 จำนวน 4 โครงการ ที่เหลือคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงต้นปีถึงกลางปีหน้า
ปัจจุบัน บริษัทมี backlog จำนวน1.4 หมื่นล้านบาท จะทยอยรับรู้ต้อเนื่อง 2-3 ปีนี้ ประกอบกับ การที่บริษัทมีกระแสเงินสดเพียงพอ ทำให้บริษัทเชื่อว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตของรายได้ที่ 10-15% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า
จากสัญญาณการปรับตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และการรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม จึงทำให้บริษัทเชื่อว่ากำไรสุทธิในปีนี้น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ยอดรับรู้รายได้ในปีนี้ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่มีอัตราเติบโต 10-15% จากปีก่อน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะอยู่ระดับใกล้เคียงปีก่อนที่ 34-35%
นายอนุพงษ์ กล่าวว่า การที่บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินปีหน้าเพิ่มขึ้นจากปีนี้ เพื่อเป็นการรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในปีหน้าที่คาดว่าจะมีมากกว่าปีนี้ โดยขณะนี้มีโครงการที่อยู่ในแผนงานที่จะพัฒนาในปีหน้าแล้ว 5-7 โครงการ จากในปีนี้บริษัทพัฒนา 6 โครงการใหม่ ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดไปแล้ว 2 โครงการ และกำลังเปิดตัว 3 โครงการ ส่วนอีก 1 โครงการเป็นโครงการแนวราบ ซึ่งจะเปิดตัวในไตรมาส 4 ปีนี้ มูลค่าโครงการ 1.8 พันล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงที่เหลือของปีนี้ เป็นโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่ารวม 9.5 พันล้านบาท ได้แก่ The Adress สุขุมวิท 28 มูลค่า 2.2 พันล้านบาท , The Adress อโศก มูลค่าโครงการ 3.3 พันล้านบาท และ The Adress สาทร มูลค่าโครงการ 4 พันล้านบาท ซึ่งทั้ง 3 โครงการจะทำการพรีเซลในเดือน ต.ค.นี้
"การเปิดโครงการคอนโดมิเนียมทีเดียว 3 โครงการ ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่เครียดพอสมควร แต่การที่เราเห็นดีมานด์ของคนที่ยังต้องการมาก และเม็ดเงินที่จะเข้ามาหมุนเวียนในบริษัทในช่วงปีที่เหลือ จึงทำให้เราตัดสินใจได้ง่าย และเราก็คงให้ความสำคัญการพัฒนาโครงการในเมือง และต้องติดย่านรถไฟฟ้า และเราคงไม่ไปต่างจังหวัดและต่างประเทศอย่างแน่นอน" นายอนุพงษ์ กล่าว
การเปิดตัวคอนโดมิเนียมในช่วงนี้ เพราะเห็นว่าเป็นตลาดคอนโดมิเนียมมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งพิจารณาได้จากโครงการที่เปิดตัวใหม่ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา พบว่าตลาดคอนโดมิเนียมมีสัดส่วนการเปิดตัว 39.6% หรือประมาณ 9,442 ยูนิต จากสินค้าเปิดตัวใหม่ทั้งหมดรวม 23,816 ยูนิต รองลงมา เป็น ทาวน์เฮ้าส์ 29.9% และ บ้านเดี่ยว 24.6% จากข้อมูลดังกล่าวสะท้อนพฤติกรรมของคนเมืองที่ได้เปลี่ยนรูปแบบ โดยการหันมาซื้อคอนโดมิเนียมนสัดส่วนที่สูง 80-90%
นอกจากนี้ จากความมั่นใจที่สัญญาณการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณบวกมาตั้งแต่ไตรมาส 2/52 ที่ผ่านมา ขณะที่ โครงการใหม่ของบริษัทที่กำลังจะเปิดตัวจะอยู่ในย่านธุรกิจและตามเส้นทางรถไฟฟ้า เชื่อว่าจะทำให้เป็นที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น