นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีเอ็มโอ ออร์กาไนเซอร์(CMO)เชื่อว่าการที่บริษัทตัดสินใจปิดกิจการ บริษัท บายอน ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจจัดการแสดงแสง สี เสียง ณ นครวัต ประเทศกัมพูชา จะทำให้งบการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากบริษัทย่อยดังกล่าวมีผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง ตลอด 3 ปีที่ดำเนินกิจการมาขาดทุนไปแล้วกว่า 50 ล้านบาท
อีกทั้งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ประเทศกัมพูชายังอยู่ในช่วงซบเซา เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ การตัดสินใจครั้งนี้น่าจะเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายที่ดีที่สุด
"บายอนฯ เราเปิดมา 3 ปี ขาดทุนเยอะเกือบ 50 ล้านบาท และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ CMO มีผลขาดทุน...แค่ไม่ได้ทำก็มีกำไรแล้ว"นายเสริมคุณ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่ยกเลิกการทำธุรกิจในประเทศกัมพูชา แต่การทำกิจกรรมการด้านตลาดต่าง ๆ ก็จะใช้ฐานจากประเทศไทยเข้าไปทำโดยตรง ไม่ต้องผ่านบริษัทย่อยหรือตัวแทนอื่น ๆ นอกจากนั้น กรณีดังกล่าวก็ไม่ได้ทำให้บริษัทรู้สึกกลัวหรือเข็ดขยาดการทำงานในต่างประเทศ เพราะถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากผลกระทบของปัจจัยเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้
"ตอนเราตั้งบริษัทนี้ขึ้นมาเราก็ไม่คิดว่าเศรษฐกิจจะเป็นแบบนี้ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องแก้" นายเสริมคุณ กล่าว
บริษัทยังมีงานระดับนานาชาติที่ดำเนินการอยู่ ได้แก่ มหกรรมแสดงนวัตกรรมด้านอีเวนท์และนิทรรศการแห่งอาเซียน ประจำปี 2552 หรือ“ASEAN ESP’09 Bangkok—Innovative supply showcase"ระหว่างวันที่ 9-15 ก.ย.52 เป็นงานที่จัดขึ้นร่วมกับซัพพลายเออร์อื่นๆ อีกกว่า 20 บริษัท เพื่อโปรโมทศักยภาพการทำงานด้านนี้ ซึ่งมีผลตอบรับค่อนข้างดี เชื่อว่าอนาคตอาจจะมีการทำงานในต่างประเทศเข้ามาอีก ส่วนจะไปในรูปแบบใดก็จะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ
นายเสริมคุณ กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการปีนี้ว่า บริษัทหวังจะพลิกมามีกำไร จากปีก่อนที่ขาดทุน 16.14 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 2/52 บริษัทและบริษัทย่อยพลิกมามีกำไรแล้ว 26.009 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 18.57 ล้านบาท และงวด 6 เดือนแรกของปีนี้บริษัทและบริษัทย่อยก็มีกำไร 9.59 แสนบาท จากที่มีผลขาดทุน 40.017 ล้านบาทในงวด 6 เดือนแรกของปี 51
สำหรับเป้าหมายรายได้ 800 ล้านบาทในปีนี้ บริษัทยังพยายามเดินหน้าอยู่ โดยตั้งใจว่าจะกลับมาทำให้ได้ จากที่ก่อนหน้านี้ได้ประกาศปรับลดเป้ารายได้ลง 10-15% เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกมีผลกระทบจากปัญหาการเมือง ทำให้งานต่างๆ หายไป แต่ตอนนี้สถานการณ์เริ่มกลับมาดีขึ้นแล้ว งานในตลาดเริ่มมีเข้ามามากขึ้น
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 200 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ปีนี้ประมาณ 120 ล้านบาท เช่น งาน International Education Expo 09 มูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท, งานเปิดตัวรถยนต์-จักรยานยนต์ รวมกันประมาณ 20 ล้านบาท, งานปรับปรุงพิพิธภัณฑ์บึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ มูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท ฯลฯ
"เราจะพยายามทำรายได้ให้ได้ตามเป้า 800 ล้านบาท จากตอนแรกที่คาดว่าอาจจะ Drop ลงไป 10-15% แต่ตอนนี้เราเห็นว่าเศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นตัว น่าจะไปทางบวกมากกว่าทางลบ ดูจากงานที่ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ ทีละ 10 ล้านบาท 15 ล้านบาท ก็ช่วยได้"นายเสริมคุณ กล่าว
ส่วนงานที่จะรับรู้ปี 53 อาทิ งานเทศกาลโคมไฟ ที่หาดใหญ่ ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)มูลค่า 17-18 ล้านบาท ซึ่งจะจัดปลายปีนี้เชื่อมต่อไปถึงปีหน้า ดังนั้น น่าจะไปรับรู้รายได้ทั้งหมดในปี 53 นอกจากนี้ บริษัทยังเข้าประมูลงานใหม่อยู่เรื่อยๆ ส่วนใหญ่อยู่ระหว่างรอผลการประมูล
"มองว่าแนวโน้มปี 53 น่าจะค่อยๆดีขึ้นกว่าปีนี้ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ"นายเสริมคุณ กล่าว