นายเมธา อังวัฒนาพานิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บมจ.แสนสิริ(SIRI) กล่าวว่า ขณะนี้ บริษัทอยู่ระหว่างมองหาซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อพัฒนาโครงการแนวราบ ย่านถนนพระราม 5- ราชพฤกษ์ ซึ่งจะพัฒนาเป็นโครงการทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ คาดว่าจะสามารถสรุปผลการซื้อที่ดินในช่วงปลายปีนี้ โดยเตรียมเงินไว้ซื้อที่ดินดังกล่าวประมาณ 1 พันล้านบาท
ที่ดินดังกล่าว มองว่าเป็นทำเลดีและเป็นย่านที่มีโครงการของบริษัทไม่มาก โดยปัจจุบันที่บริษัทมีที่ดินรอการพัฒนาโครงการแนวราบย่านรามอินทรามากกว่า 1 พันไร่ ซึ่งย่านรามอินทราจะแบ่งที่ดินพัฒนาเป็นบ่านแฝด แบรนด์ "พร้อมพัฒน์" ซึ่งจะเปิดตัวในปีหน้า มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท จากปัจจุบันมีโครงการย่านรามอินทราแล้ว 9 โครงการ
นายเมธา กล่าวว่า จากการประเมินพบว่าโครงกการแนวราบได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากขึ้น โดยยอดขายปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะในเดือน มี.ค.และ ส.ค.ที่ผ่านมามียอดขายเฉลี่ยเดือนละ 1 พันล้านบาท เนื่องจากในเดือน มี.ค. ได้มีลูกค้ารีบโอนบ้านเพราะเกรงว่าจะใกล้สิ้นสุดสิทธิประโยชน์ภาษีก่อนที่รัฐจะขยายเวลาออกไปอีก 1 ปี และในเดือนส.ค.มีลูกค้าเข้ามาจองบ้านเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณฟื้นตัวธุรกิจ
จากปัจจัยนี้เชื่อว่ายอดขายโครงการในแนวราบในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 9.2 - 9.3 พันล้านบาท หลังจากช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายจากแนวราบแล้ว 6.5 พันล้านบาท ซึ่งยอดขายโครงการแนวราบถือเป็นสัดส่วน 40-50% ของเป้าหมายยอดขายรวมปีนี้ที่ตั้งไว้ 2 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีการรับรู้บางส่วนจากโครงการที่เปิดตัวในช่วงนี้ด้วย
นายเมธ่ กล่าวว่า จากการความต้องการโครงการแนวราบของผู้บริโภคฟื้นตัว ส่งผลให้มีการวางแผนเปิดตัวโครงการแนวราบเพิ่ม เบื้องต้น 3-4 โครงการสำหรับปีหน้า
"ผมว่าตอนนี้ คนเริ่มตัดสินใจในการซื้อบ้านแนวราบมากขึ้น แต่จะพิจารณาถึงรูปแบบและทำเล ซึ่งโครงการของเรา ปัจจุบันมีแนวราบอยู่ 30 โครงการ และการตอบรับในช่วงที่ผ่านมาก็ดีขึ้น เห็นได้จากโครงการที่เปิด 2 โครงการ คือ โครงการฮาบิเทีย วงเหวนรามอินทรา และ โครงการฮาบีเทีย ปัญญารามอินทรา ที่เปิดได้ไม่นานก็มียอดขายแล้วกว่า 30% และเรายังมีการวางแผนเปิดโครงการในแบรนด์ แสนสิริ ประมาณ 2 โครงการในเร็วๆนี้" นายเมธา กล่าว
ในวันนี้บริษัทเปิดตัว 2 โครงการใหม่ คือ โครงการฮาบิเทีย ปัญญารามอินทรา และโครงการฮาบิเทีย วงแหวน-รามอินทรา รวมมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการ เป็นโครงการต่อเนื่องจากช่วงต้นปีที่บริษัทได้มีการทยอยเปิดภายใต้แบรนด์ ฮาบิเทียไปแล้ว 2 โครงการ