นายนิมิตร หมดราคี กรรมการผู้จัดการ บมจ.124 คอมมิวนิเคชั่นส (PR124) คาดว่าปีนี้จะกลับมามีกำไร แม้ว่าครึ่งปีแรกจะขาดทุน 5.8 ล้านบาท เนื่องจากการใช้สื่อเริ่มฟื้นตัวขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังที่ปรับตัวดีขึ้นมาบ้างแล้ว
บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ที่ 70 ล้านบาท และปี 53 คาดว่ารายได้จะเติบโตประมาณ 15% ส่วนในปี 54 บริษัทเชื่อว่าธุรกิจด้านสื่อและประชาสัมพันธ์จะกลับมาฟื้นตัวกลับไปสู่จุดเดิมก่อนเกิดวิกฤติการเมืองเมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งน่าจะทำให้รายได้ของบริษัทกลับไปสู่ระดับ 200 ล้านบาทได้อีกครั้งในปี 54
"ถ้าปีหน้ามีการเลือกตั้งใหม่ เชื่อว่าธุรกิจสื่อจะได้รับอานิสงค์ในทุกสื่อ และจากการที่เศรษฐกิจกลับมาดีขึ้นเชื่อว่าการใช้สื่อจะเพิ่มมากขึ้นด้วย แต่จะไปเห็นแบบจริงจังที่บริษัทเคยทำรายได้ในระดับ 200 ล้านบาทคงเป็นปี 54" นายนิมิตร กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปี 52 บริษัทคาดว่ารายได้ในไตรมาส 4/52 จะดีกว่าไตรมาสอื่นๆ เนื่องจากจะรับรู้รายได้จากการบริหารสื่อให้แอร์เอเชีย โดยเป้าหมายคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 80-100 ล้านบาทภายใน 12 เดือน โดยคาดว่าทยอยจะรับรู้ฯ ราว 10% ในช่วงไตรมาส 4/52 ซึ่งขณะนี้บริษัทได้ติดต่อองค์กรขนาดใหญ่ ที่เป็นลูกค้าของ PR 124 ให้ใช้สื่อผ่านสายการบินแอร์เอเชีย 2-3 องค์กร ได้แก่ ผู้ประกอบธุรกิจเครื่องดื่ม ธุรกิจขายตรง และธุรกิจมือถือ คาดว่าจะได้เห็นดีลแรก เร็วๆนี้
นายนิมิตร กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือกว่า 20 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทเริ่มมีงานภาครัฐเข้ามามากขึ้นหลังจากในช่วงวิกฤติการเมือง งานภาครัฐชะลอตัวจนแทบไม่มีเลย แต่จากงานภาครัฐที่เริ่มกลับมา ทำให้เชื่อว่าจะดีขึ้น
สำหรับการเพิ่มทุน แตกพาร์ และแจกใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญ(วอร์แรนท์)ให้ผู้ถือหุ้นนั้น บริษัทจะขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 2 ต.ค.นี้ ซึ่งคาดว่า วอร์แรนท์ใหม่จะเทรดได้ในกลางเดือนพ.ย. ซึ่งการแตกพาร์จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องของสภาพคล่อง เพราะที่ผ่านมาหุ้นของบริษัทไม่ได้รับความสนใจมากนัก เชื่อว่าหลังการแตกพาร์และเพิ่มทุนแล้วจะทำการซื้อขายหุ้นมีเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทจะแตกพาร์จาก 1 บาท เหลือ 0.10 บาท และแจกวอร์แรนท์ 2 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนท์ ซึ่งสามารถแปลงสภาพวอร์แรนท์ได้ภายใน 3 ปี ในราคาใช้สิทธิ์ 2 บาท ถ้าหากมีการแปลงสภาพวอร์แรนท์ทั้งหมดก็จะทำให้บริษัทได้เงิน 45 ล้านบาท จะนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและรองรับธุรกิจในอนาคต ซึ่งบริษัทจะสามารถรับงานขนาดใหญ่ได้เพิ่มมากขึ้น