นายกลินท์ สารสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ค้าสากลซีเมนต์ไทย จำกัด(SCT) ในเครือบมจ.ปูนซีเมนต์ไทย(SCC)เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมขยายธุรกิจค้าถ่านหินไปยังประเทศในแถบอาเซียน โดยประเทศที่บริษัทให้ความสนใจ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และ เวียดนาม โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถเข้าไปตั้งคลังถ่านหินในประเทศฟิลิปปินส์ในไตรมาส 3/53
พร้อมกันนั้น บริษัทยังมีแผนจะเข้าไปตั้งคลังเก็บถ่านหินในประเทศจีน อินเดีย และ มาเลเซีย ภายในไตรมาส 3/53 น่าจะได้เห็นความชัดเจน การลงทุนต่อคลังแต่แห่งคาดว่าจะอยู่ที่ 20-30 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทได้ทำธุรกิจถ่านหินโดยมีคลังเก็บถ่านหินอยู่ที่ จ.อยุธยา และ จ.สมุทรสาคร ล่าสุดคลังถ่านหินที่ จ.อยุธยาก็ได้รับ ISO 9001 และ 14001 และได้รับมาตรฐาน OHSAS 18001 เป็นรายแรกของประเทศไทย และมีลูกค้าหลัก คือ ธุรกิจในเครือ SCG และอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ปูน อาหาร ฟอกย้อมผ้า
สำหรับคลังเก็บถ่านหินของบริษัทมีลักษณะการเก็บอย่างมิดชิด ปลอดภัย มีระบบการบำบัดละมีสเปรย์น้ำที่คอยฉีดเพื่อป้องกันฝุ่นละออง และการขนส่งก็มีการคลุมผ้าใบอย่างดี ซึ่งถือว่าได้มาตรฐาน
ทั้งนี้ ธุรกิจถ่านหินเป็น 1 ในธุรกิจพลังงานของบริษัท ค้าสากลฯ
นายกลินท์ กล่าวว่า บริษัทไม่มีแผนที่จะลงทุนทำธุรกิจเหมืองแร่ต้นน้ำเป็นของตนเอง เนื่องจากไม่มีความถนัด โดยยังคงให้ความสำคัยกับการทำธุรกิจเทรดดิ้งมากกว่า แต่ในเดือนต.ค.นี้บริษัทจะเซ็นสัญญาความร่วมมือกับแหล่งถ่านหินในอินโดนีเซีย เพื่อให้มีการซัพพลายถ่านหินให้กับบริษัทในระยะยาวเพิ่มขึ้น เพื่อความมั่นใจว่าจะมีถ่านหินเพียงพอสำหรับรองรับลูกค้าในอนาคตและป้องกันความเสี่ยงในการขาดแคลนถ่านหิน โดยปัจจุบันบริษัทรับซื้อถ่านหินจากเหมืองในเกาะสุมาตราและกลิมันตัน ของอินโดนีเซีย
บริษัทคาดว่าลูกค้าในธุรกิจถ่านหินอยู่ในประเทศที่มีศักยภาพและมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง จึงเชื่อว่าจะมียอดขายที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในปีหน้าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 40-50% ทั้งยอดขายและปริมาณ แต่ปีนี้คาดว่ายอดขายจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ประมาณ 3 ล้านตัน/ปี เนื่องจากช่วงไตรมาส 1/52 เกิดภาวะเศรษฐกิจซบเซาทำให้อุตสาหกรรมต่างๆ ชะลอการผลิต ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง
ลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทย 90% และต่างประเทศ 10% ซึ่งในอนาคตมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนการขายในต่างประเทศ จากเดิมที่ส่งไปขายยังจีน อินเดีย และประเทศแถบภูมิภาคอาเซียน ปัจจุบัน บริษัทมีลูกค้ารายย่อยกว่า 100 ราย ลูกค้ารายใหญ่ประมาณ 25-30 ราย ทั้งในกลุ่มซีเมนต์ และอาหาร
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนแปรรูปถ่านหินให้มีคุณภาพสูงเพื่อใช้ทดแทนน้ำมันเตา (Coal Mixer) โดยขณะนี้ทดลองผลิตในโรงงานขนาดเล็ก 5 หมื่นลิตร/ปี แต่จากการศึกษาเชื่อว่าจะมีความต้องการใช้เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่จะถูกกว่าน้ำมันเตาถึง 20% และสามารถใช้ร่วมกับบอยเลอร์ถ่านหินได้ คาดว่าจะมีความชัดเจนปีหน้า
สำหรับธุรกิจของ SCT มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 17-20% ของรายได้รวมของ SCG