นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QH)กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 53 เติบโต 10-15% จากปีนี้เนื่องจากมองว่าความต้องการบ้านโดยเฉพาะในระดับไฮเอนด์ยังมีอยู่ ซึ่งสอดคล้องกับการเปิดโครงการในปีหน้าที่จะมีจำนวนมากขึ้นที่ 13 โครงการ มูลค่ารวม 15,610 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในจำนวนโครงการใหม่ดังกล่าว บริษัทจะมีแบรนด์ใหม่ ชื่อ Q-Twelve ย่านราชพฤกษ์ ซึ่งจะมีจำนวน 12 หลัง ราคาเฉลี่ยหลังละ 80 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท
นายรัตน์ กล่าวต่อว่า จากดีมานด์ในระดับไฮเอนด์ที่มีอยู่ ทำให้ในปีหน้าได้เตรียมงบในการซื้อที่ดินที่ 2.5 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่ใช้งบในการซื้อที่ดิน 1.4-1.5 พันล้านบาท
ล่าสุด บริษัทได้เปิดโครงการใหม่"พฤกษ์ภิรมย์ Regent ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์"มูลค่า 1,640 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดโครงการในโซนราชพฤกษ์ จากก่อนหน้านี้ได้มีการเปิดในโซนดังกล่าวแล้ว 9 โครงการ และคาดว่าจะพรีเซลได้ในเดือน ต.ค.ในระดับ 20-120 ล้านบาท เจาะลูกค้าระดับบน เนื่องจากมองว่าโซนราชพฤกษ์ยังมีดีมานด์อยู่จำนวนมาก ซึ่งเห็นได้จากยังมีโครงการต่างๆ ทยอยเปิดต่อเนื่อง
นอกจากนั้น บริษัทยังมีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม 2 แห่งในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะมีการรับรู้รายได้จากโครงการทั้ง 2 แห่งในช่วงปี 53 ประมาณ 3-4 พันล้านบาท คือโครงการที่หลังสวน มูลค่า 3.5 พันล้านบาท และโครงการที่สาทร ที่มีมูลค่า 2.3 พันล้านบาท แต่คาดว่า 2 โครงการดังกล่าวจะขายหมดได้กลางปี 54 และหลังจากนั้นบริษัทก็จะทยอยหาทำเลในการพัฒนาคอนโดฯ เพิ่ม โดยยังจำเป็นต้องติดแนวรถไฟฟ้า เพื่อรองรับโครงการคอนโดฯ ที่จะขายหมดลงในอนาคต
ส่วนการปรับราคาในปีหน้าคงต้องมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้ง ทั้งในแง่ของวัตถุดิบและค่าก่อสร้าง
นายรัตน เปิดเผยอีกว่า บริษัทมีแผนจะเสนอขายหุ้นกู้ในช่วงครึ่งหลังของปี 53 โดยเตรียมจะขออนุมัติวงเงินในการออกหุ้นกู้ต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายน ราว 5 พัน - 1 หมื่นล้านบาท แต่คงจะเสนอขายล็อตแรกไม่เกิน 4 พันล้านบาทในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนหนึ่งจะนำไปไถ่ถอนหุ้นกู้ชุดเดิม ซึ่งจะทำให้ D/E ไม่ปรับเพิ่มขึ้นมาก จากที่ปัจจุบันอยู่ที่ 1.2 เท่า และในปีหน้าคาดว่า D/E จะลดลงเหลือไม่เกิน 1 เท่า เพราะการรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดฯ จะทำให้ D/E ลดลง
นายรัตน์ กล่าวถึงภาพรวมการดำเนินงานในปี 52 เชื่อว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่บริษัทได้มีการปรับเพิ่มรายได้ในปีนี้เป็น 1 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5% จากเป้าเดิมที่ตั้งไว้ 9 พันล้านบาท คาดว่าจะมาจากโครงการบ้านสร้างเสร็จก่อนขาย และรายได้ที่มาจากบริษัทในเครือ อีกทั้งในภาพรวมก็มีปัจจัยสนับสนุนทั้งเศรษฐกิจที่มีสัญญาณดีขึ้นและการฟื้นตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก QH มียอดรายได้สะสม 6 เดือน 5,230 ล้านบาท กำไรสุทธิสะสม 766 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นายรัตน์ ยอมรับว่า รายได้ที่มาจากเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ในปีนี้คงจะลดลงจากปีก่อน 8% โดยปีก่อนมีรายได้ประมาณ 1 พันล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจโลกส่งผลให้ต่างชาติชะลอการลงทุนและไม่เข้ามาพักอาศัยในประเทศไทย รวมถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไข้หวัดสายพันธ์ใหม่ แต่ในส่วนของรายได้ค่าเช่าสำนักงานคงใกล้เคียงกับปีก่อน เพราะว่าลูกค้าไม่มีการขยายการใช้พื้นที่