นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บมจ. จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ (GRAMMY) คาดว่า ทั้งรายได้และกำไรในปี 53 จะดีกว่าปีนี้ จากทุกธุรกิจ ส่วนปีนี้รายได้คาดว่าจะทะลุ 8 พันล้านบาทดีกว่าที่คาดไว้ว่าปีนี้จะมีรายได้ใกล้เคียงปีก่อนที่ 7.8 พันล้านบาท เนื่องจากช่องทีวีดาวเทียมช่องแรก "แฟนทีวี" หลังเปิดบริการครบ 1 ปี สามารถคืนทุนได้แล้ว
"ช่องแฟนทีวี ทีวีดาวเทียมช่องแรกที่เราเปิดบริการมาครบ 1 ปีขณะนี้ Break Event ไปแล้ว เมื่อเดือนที่ผ่านมา ส่วนช่องอื่นๆ ที่เราทยอยเปิดตามมาหลังจากนั้น คาดว่าภายใน 1 ปีที่เปิดบริการก็จะ Break Event เช่นกัน"นายไพบูลย์ กล่าว
ส่วนอนาคตหากมีโอกาสก็จะเปิดช่องทีวีดาวเทียมเพิ่ม จากปัจจุบันที่เปิดไปแล้ว 4 ช่อง และกำลังจะเปิดช่อง "เบิร์ด ชาแนล" ในเร็วๆนี้ และล่าสุดเราก็มี Money Channel หลังการเข้าลงทุน ถือหุ้น 50% บริษัท แฟมมิลี่ โนฮาว จำกัด (FKH) ใช้เงินลงทุน 25 ล้านบาท
นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส GRAMMY กล่าวเสริมว่า ภายหลังที่แกรมมี่เข้าถือหุ้นใน FKH แล้วสิ่งที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนที่สุด คือ การขยายเวลาออกอากาศจากเดิม 8 ชั่วโมง เป็น 18 ชั่วโมง โดยเริ่มออกอากาศตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น. โดยเนื้อหาของรายการจะเน้นการนำเสนอเนื้อหาที่เข้าใจง่าย มีความน่าสนใจมากขึ้น
ทั้งนี้ ในเวลา 18 ชั่วโมงต่อวัน จะแบ่งเป็นเนื้อหาที่จะนำเสนอข้อมูล การให้ความรู้ด้านการเงิน การลงทุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) 8.5 ชั่วโมงต่อวัน โดยตลาดหลักทรัพย์ฯได้จะจัดสรรงบประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่ง Money Channel โฉมใหม่ 8.5 ชั่วโมงต่อวันจะเริ่มออกอากาศตั้งแต่ 5 ต.ค.นี้ โดยทางตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นผู้ผลิตรายการเอง ภายใต้เงินลงทุน 200 ล้านบาท แต่ทางแกรมมี่ได้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตสื่อและคอนเท้นท์ ทั้งจากบุคคลากรของแกรมมี่เอง เช่น พี่ฉอด (สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา) คุณเกรียงไกร จากอินเด็กซ์ อีเว้นท์, คุณสุรพล จากทางเอ็กแซกท์ รวมถึงคูณดู๋-สัญญา คุณากร ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการช่วยคิดรูปแบบรายการ วางคอนเซ็ปท์ โลโก้ใหม่ สีสันใหม่ เพลงไตเติ้ลใหม่ เพื่อให้ช่อง Money Channel มีความน่าสนใจมากขึ้นต่อกลุ่มคนที่อยู่ในแวดวงการเงิน เศรษฐกิจ และเข้าใจง่ายมากขึ้นต่อประชาชนทั่วไป โดยคาดว่าฐานคนดูจะเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันประมาณ 1 ล้านคนต่อวัน"
ส่วนนิตยสาร Money & Wealth ยังไม่มีแผนจะปรับเปลี่ยนอะไร เนื่องจากดีอยู่แล้ว
"ภารกิจแรกที่เป็นพันธกิจร่วมกันคือ ปรับปรุง Money Channel ให้มีความน่าสนใจมากขึ้น"นายสุเมธ กล่าว
และสำหรับอีก 9.5 ชั่วโมงต่อวันเป็นรายการที่ให้ความรู้ด้านการบริหารเงินและการลงทุนที่เข้าใจง่าย ซึ่งบริษัทฯจะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนของการผลิตและบริหารเวลา 9.5 ชั่วโมงต่อวัน โดยคาดว่าแกรมมี่จะผลิตรายการป้อนให้ประมาณ 14 รายการ เริ่มตั้งแต่ต้นปี 53 เป็นต้นไป และคาดว่าจะสามารถผลิตรายการที่ต้องรับผิดชอบได้ครบ 9.5 ชั่วโมงต่อวันภายใน 6 เดือน
ในเรื่องของรายได้คาดว่าทั้งสองฝ่ายจะมีรายได้ฝั่งละไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท รวมเป็น 400 ล้านบาท โดยรายได้จะมาจากการรับจ้างผลิตรายการให้กับบริษัทต่างๆ ทั้งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์และไม่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แต่อยากหาช่องทางในการให้ข้อมูล รวมถึงศักยภาพให้แก่ประชาชนได้รับทราบ ขณะที่รายได้อีกส่วนหนึ่งจะมาจากการขายโฆษณา ซึ่งคาดว่าจะเริ่มขายโฆษณาประมาณปลายเดือน ต.ค.นี้
ด้านนางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) คาดว่า จากนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ในการปรับโครงสร้างการถือหุ้น ซึ่งโครงสร้างการบริหารใหม่ในบริษัท แฟมมิลี่ โนฮาว จะประกอบด้วยกรรมการจาก ตลาดหลักทรัพย์ 4 คน และกรรมการจาก แกรมมี่อีก 4 คน รวมเป็น 8 คน โดยกรรมการในส่วนของแกรมมี่ ได้แก่ นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม, นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม, นายเกรียงไกร กาญจนโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บมจ. อินเด็ซ์ อีเว้นท์ เอเจนซี่ และนายสุรพล พีรพงศ์พิพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขายของ บริษัทเอ็กแซกท์ เข้ามาเป็น Coaching ด้านการหาลูกค้าและโฆษณาให้กับทีมขายของตลาดหลักทรัพย์ด้วย
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัท แฟมมิลี่ โนฮาว มีผลขาดทุนสะสมอยู่ประมาณ 30 ล้านบาท