โบรกฯเชียร์"ซื้อ"BANPU รับผลดีถ่านหินขาขึ้นในปี 54-ลุ้นซื้อเหมืองใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 18, 2009 09:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ส่วนใหญ่แนะนำให้"ซื้อ"หุ้นบมจ.บ้านปู (BANPU) และปรับราคาเป้าหมายในปี 53 สูงกว่าปี 52 หลังเห็นราคาถ่านหินปรับตัวดีขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ โดยประเมินว่าราคาถ่านหินในปี 53 น่าจะเพิ่มขึ้นอีก 10 เหรียญ/ตันจากปีนี้คาดไว้ที่ 70 เหรียญ/ตัน สำหรับราคา spot แต่คาดว่าบริษัทจะได้รับผลดีในปี 54 เนื่องจากมีการสัญญาขายล่วงหน้า ส่วนปี 53 คาดว่ากำไรจะอ่อนตัวลงจากราคาขายล่วงหน้าต่ำ และคาดหวังข่าวดีซื้อเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียจะได้ช่วยขยายปริมาณการผลิตด้วย

ขณะที่ราคาหุ้น BANPU ในกระดานขณะนี้ปรับตัวขึ้นสูง แนะหาจังหวะรอราคาอ่อนตัวค่อยเข้าซื้อในระดับ 400 บาทหรือ 400 บาทต้นๆจะดีกว่า

          โบรกเกอร์         คำแนะนำ     ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.ฟินันเซีย ไซรัส     ซื้อ           515
          บล.เอเซียพลัส        ซื้อ           505
          บล.บีฟิท          ซื้อเมื่ออ่อนตัว      462(ปี 52)
          บล.ฟิลลิป            ซื้อ           470
          บล.กรุงศรีอยุธยา      ถือ           507

นายชาญวุทธ เตชอมรธนกิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ได้ปรับราคาเป้าหมายหุ้น BANPU ในปี 53 เป็น 507 บาท จากปีนี้ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 390 บาท เนื่องจากมองว่าราคาถ่านหินในปีหน้าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 10 เหรียญ/ตัน เป็น 70 เหรียญ/ตัน และปี 54 คาดเพิ่มเป็น 80 เหรียญ/ตัน ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งประเมินว่าในปีหน้าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยที่ 75 เหรียญ/บาร์เรล และ 80 เหรียญ/บาร์เรลในระยะถัดไป

แต่เนื่องจาก BANPU มีการขายถ่านหินล่วงหน้ามาโดยตลอด จึงยังไม่ได้รับผลเต็มที่จากราคาถ่านหินที่ขยับขึ้นมา โดยคาดว่าราคาขายเฉลี่ยในปีหน้าจะอยู่ที่ 68 เหรียญ/ตัน ลดลงจากปีนี้ที่ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 72 เหรียญ/ตัน เพราะส่วนใหญ่จะมีการทำสัญญาขายไว้ล่วงหน้าในช่วงที่ราคาถ่านหิน BJI ทรงตัวในระดับต่ำ

ดังนั้น กำไรสุทธิในปี 53 คาดว่าจะลดลง 15% จากปี 52 ที่ประเมินว่าจะมีกำไรสุทธิ 13,868 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 50% จากปีก่อน ถือว่าเป็นปีทองของ BANPU เพราะได้ราคาขายล่วงหน้าสูงจากผลดีราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นมากผิดปกติเมื่อปีที่แล้ว

"เราแนะนำให้"ถือ"จากเดิม"ขาย"เพราะมองว่ากำไรปีหน้าจะอ่อนตัวลง แต่รอข่าวดีที่เขากำลังเข้าไปซื้อเหมืองถ่านหินเพิ่ม ถ้าได้ก็จะเพิ่มกำลังการผลิตได้ในปีหน้าหรือปี 54" นายชาญวุทธ กล่าว

ด้านนักวิเคราะห์จาก บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า ราคาถ่านหินในตลาดโลกขณะนี้เริ่มขยับตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อราคาขายและกำไรให้กับ BANPU ในปี 54 โดยคาดว่าจะมีราคาขายเฉลี่ย 80 เหรียญ/ตัน ส่วนปี 53 ราคาขายเฉลี่ยจะทรงตัวกับปี 52 ที่ระดับ 70 เหรียญ/ตัน จึงได้ปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 505 บาทในปี 53 จาก 410 บาทในปี 52

ทั้งนี้ คาดว่า BANPU ในปี 54 มีกำไรสุทธิ 1.5 หมื่นล้านบาท จากปี 53 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิทรงตัวจากปี 52 ที่ระดับ 1.3 หมื่นล้านบาท

"ปี 53 อาจจะยังไม่โดดเด่น แต่ตัว spot rate จะเติบโตแต่จะส่งผลดีในปี 54 เพราะจะได้ราคาขายล่วงหน้าใช้ปี 53" นักวิเคราะห์ กล่าว

ขณะที่ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) อ้างอิงแหล่งข่าวใน DOW JONES NEWSWIRES ว่าเร็วๆ นี้จะเป็นการประมูลรอบ 2 ในการ เข้าซื้อหุ้น PT Berau Coal ซึ่งที่มีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท BANPU ก็เป็นหนึ่งในผู้ประมูล และมีรายใหญ่อื่นๆ ที่เข้าประมูลอีก เช่น PT Indika Energy Tbk และ PT Quattro Inti Investama ซึ่งเป็นการเข้าประมูลซื้อหุ้นสัดส่วน 51%

PT Berau Coal เป็นเหมืองถ่านหิน ใหญ่อันดับ 5 ในประเทศอินโดนีเซีย เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง PT Armadian Tritunggal, dan Rognar Holding BV และ Sojitz Corp, โดยถือหุ้น 51%, 31% และ 10% ตามลำดับ มีกำลังการผลิตประมาณ 15 ล้านตันในปีนี้ ส่วนปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มเป็น 18 ล้านตัน ซึ่ง หากชนะการประมูล ครั้งนี้ก็จะเป็น Upside สำหรับยอดขายของ BANPU ในอนาคต

ขณะที่นายอนุพนธ์ ศรีอาจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บีฟิท มองว่า ปัจจัยพื้นฐานของ BANPU ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ดี และราคาที่ปรับขึ้นมาช่วงนี้เพราะนักลงทุนต่างชาติเช้ามาซื้อหุ้นบิ๊กแคป ซึ่ง BANPU ก็เป็นหนึ่งในนั้น จึงอยากให้รอให้ราคาอ่อนตัวก่อนจึงค่อยเข้าไปซื้อ และการทำกำไรของ BANPU ในปีหน้าไม่ได้ดีกว่าปีนี้

"ถ้าขึ้นต่อไม่น่าจะกระโดดตาม เพราะป้าหมายเราให้ 462 บาทสำหรับปี 52 ปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าจะเล่นรอให้ลงไปสัก 400 บาท หรือ 400 บาทต้นๆ... ต้องยอมรับว่าหุ้นพื้นฐานดี ต้องหาจังหวะเล่น" นายอนุพนธ์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ