โบรกเกอร์ เห็นพ้องแนะ"ซื้อ/รอซื้อเมื่ออ่อนตัว"หุ้นบมจ.อมตะ คอร์ปอเรชั่น(AMATA)จากปัจจัยบวกเริ่มทยอยเข้ามาภายใต้การคาดการณ์เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็คทรอนิกส์มีแนวโน้มที่จะพลิกฟื้นกลับมาดี ส่งผลต่อยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม และมองว่าถ้าการเมืองไม่มีอะไรรุนแรงไตรมาส 4/52 ก็น่าจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ แต่โบรกเกอร์บางรายมองว่าราคาฟุ้น AMATA ปรับขึ้นมาบ้างแล้ว น่าจะรอซื้อเมื่ออ่อนตัว
ปิดตลาดเช้าวันนี้ ราคาหุ้น AMATA อยู่ที่ 9.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท(+1.11%)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย บล.ธนชาต ซื้อ 11.00 บล.คันทรี่ กรุ๊ป ซื้อเก็งกำไรเมื่ออ่อนตัว 8.60 บล.ดีบีเอสฯ ซื้อ 8.50(คาดว่าจะมีการปรับขึ้น) บล.ทรีนีตี้ ซื้อเมื่ออ่อนตัว 7.20
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.คันทรี่กรุ๊ป กล่าวว่า ปัจจัยบวกของ AMATA มาจากการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมในกลุ่มอิเลคทรอนิคส์และกลุ่มยานยนต์ น่าจะมีการเพิ่มการผลิต แต่ในแง่ของตัวเลขจริงๆ ยังไม่ปรากฎชัดเจนเลย นอกจากนี้ถ้าสถานการณ์การเมืองนิ่งหรือคลี่คลายมากขึ้น ต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนมากขึ้น กลุ่มนิคมฯนี้ก็จะอาจจะได้รับประโยชน์ เพราะรายได้ของ AMATA มาจากการที่ดินเพียงอย่างเดียว
เรามองว่าช่วงนี้ราคาหุ้น AMATA ถือว่าเต็มมูลค่าแล้ว เป็นช่วงปลายของการขึ้นของราคา อาจจะเก็งกำไรช่วงสั้น 8.60-9.50 บาท/หุ้นได้บ้าง แต่ให้รอซื้อเมื่ออ่อนตัวดีกว่า และยังไม่ใช่จังหวะของการลงทุน เพราะเรามองว่าเรื่องแนวโน้มการขายที่ดินอีก 6 เดือนข้างหน้าอาจจะยังแย่อยู่
ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)มองว่านับจากนี้ไป AMATA จะมีข่าวดีเรื่องการขายพื้นที่นิคมฯเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากที่ต้นปีถึงปลาย ส.ค.52 ขายได้เพียง 52 ไร่เท่านั้น และในประมาณการยอดขายปีนี้ เราให้ไว้ที่เพียง 150 ไร่
เรายังคงมีมุมมองที่เป็นด้านบวกต่อหุ้น AMATA เนื่องจากแนวโน้มในปี 53 เริ่มมีสัญญาณที่ดีตามภาคส่งออกของไทยที่เริ่มฟื้นตัว สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลก ทำให้คาดว่ายอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมของ AMATA จะกลับมาดีในปีหน้า ซึ่งเราให้ไว้เป็น 400 ไร่ สำหรับสองอุตสาหกรรมที่เป็นลูกค้าหลักของบริษัทคือ อิเล็กทรอนิกส์และยานยนตร์ก็มีแนวโน้มที่จะพลิกฟื้นกลับมาดี พิจารณาได้จากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ดีขึ้น นอกจากนี้แล้วดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมก็ได้มีการปรับตัวดีขึ้นด้วย
"หุ้นปัจจุบันเกินกว่าราคาพื้นฐานเดิมที่ให้ไว้ที่ 8.50 บาทแล้ว แต่เนื่องจากข้อดีในการประเมินมูลค่าหุ้น AMATA คือ บริษัทมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) อยู่สูงถึง 12.26 บาท เราจึงคงคำแนะนำ "ซื้อ ไว้ก่อน ราคาพื้นฐานคาดว่าจะมีการปรับขึ้นตามมา (Upward Revision)"นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)กล่าว
ด้านนายเถลิงศักดิ์ ตันติพินธวัตร บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า หุ้น AMATA ตอนนี้ถือว่าราคาขึ้นมาสูงแล้ว แต่ก็มองว่าถ้าสนใจหุ้นตัวนี้ "รอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว"มาแถวๆ 7.20 บาท/หุ้นก็ได้ เพราะมองว่าธุรกิจจะเริ่มฟื้นในไตรมาส 4/52 และจะดีขึ้นในปี 53
เพราะจริงๆ แล้วปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดิน 300-400 ไร่ แต่ว่าตั้งแต่ต้นปี 52 มาจนถึงไตรมาส 3/52 ยังขายที่ดินได้ไม่ถึง 100 ไร่ โดยไตรมาส 1/52 ขายได้ 50 ไร่ ไตรมาส 2/52 ขายได้ครึ่งไร่ ไตรมาส 3/52 ก็ยังไม่เห็นผลการซื้อขายที่ดินเลย หรือขายได้ก็ประมาณ 10 ไร่ ทำให้เราคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/52 นี้น่าจะมีโอกาสขาดทุนต่อเนื่องจากไตรมาส 2/52 ที่มีผลขาดทุนอยู่ 23.87 ล้านบาท
"ปีนี้ยังขายที่ดินได้น้อยมาก ขายได้ 50 กว่าไร่เอง แล้วก็การรับรู้รายได้น้อยมากๆ ประมาณ 300-400 ล้านบาท ก็อาจจะยังไม่ Cover ค่าใช้จ่าย ผมว่าราคาหุ้น AMATA ที่ปรับขึ้นมาในช่วงก่อนหน้านี้ นักลงทุนคงตอบสนองเรื่องที่ว่าแนวโน้มจะฟื้น แต่มองว่าราคาแถวนี้ ถือว่า"เต็มมูลค่า"แล้ว"นายเถลิงศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การที่ผู้บริหารออกมายืนยันเป้าการขายที่ดิน 300-400 ไร่นั้น มองว่าถ้าการเมืองไม่มีอะไรรุนแรง น่าจะเป็นไตรมาส 4/52 ที่จะฟื้นตัวขึ้นมา น่าจะเห็นการเซ็นสัญญาขายที่ดินมากขึ้น และปี 53 น่าจะเป็นปีที่นิคมอุตสาหกรรมฟื้นตัวอย่างชัดเจน
ส่วนประเด็นหนุนเรื่องโครงการผลิตรถอีโคคาร์ มองว่าน่าจะเป็นเรื่องของอนาคต เพราะปกติเวลาได้รับการส่งเสริมการลงทุน กว่าจะมีการเข้ามาซื้อที่ดินคงอีกนาน คงไม่ใช่เร็วๆนี้