(เพิ่มเติม) SGP เลื่อนเข้าซื้อกิจการก๊าซในเวียดนามไปเป็นสิ้นปีนี้ รายได้เข้าปี 53

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 18, 2009 16:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์(SGP)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า การเข้าซื้อกิจการก๊าซในเวียดนามล่าช้ากว่าแผนเล็กน้อย โดยคาดว่าดีลจะเรียบร้อยภายในสิ้นปีนี้ จากเดิมคาดว่าจะเสร็จกลางปี เนื่องจากติดปัญหาขั้นตอนของทางการเวียดนามที่ไม่อนุญาตให้ซื้อเฉพาะทรัพย์สินของกิจการ

ดังนั้น บริษัทจึงต้องเปลี่ยนแผนมาซื้อหุ้นทั้งหมด(100%)โดยประเมินว่าอาจจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 400 ล้านบาทจากที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้

"ตอนแรกเราคิดว่าเราจะมีรายได้จากเวียดนามเข้ามาได้ในครึ่งปีหลัง เพราะเราคุยกันมาตั้งแตเดือน 3 เดือน 4 แต่เราไปติดปัญหาที่ทางการเวียดนามไม่ให้เราโอนทรัพย์สินเข้ามาบริษัทที่เราตั้งใหม่ในเวียดนาม เราก็เลือกทางเลือกสุดท้ายที่เข้าไปซื้อหุ้น ซึ่งตอนแรกไม่อยากซื้อหุ้น เรากลัวว่าจะมีอะไรหรือเปล่า เราต้องการซื้อทรัพย์สินอย่างเดียว ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ไม่ยาก คิดว่าจะจบได้ภายในสิ้นปีนี้" นายศุภชัย กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทที่ SGP อยู่ในกรุงโฮจิมินห์ทางใต้ของเวียดนามใกล้ทะเล ซึ่งเป็นบริษัทที่จำหน่ายก๊าซ LPG และ บริษัทได้จัดตั้งบริษัท สยามแก๊ส เวียดนาม รองรับทำการตลาดในประเทศเวียดนาม โดยใช้แบรนด์"ยูนิคแก๊ส"คาดว่าปีแรก หรือปี 53 จะมีรายได้ประมาณ 2 พันล้านบาท หรือประมาณ 10% ของรายได้รวม

นายศุภชัย กล่าวว่า การเลื่อนเข้าซื้อกิจการก๊าซในเวียดนาม ไม่ได้กระทบเป้าหมายการเติบโตรายได้และกำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้ โดยยังคงเป้าไว้เติบโตไว้ที่ 15% เพราะเป้าหมายนี้ไม่ได้รวมถึงกิจการใหม่

"เชื่อว่ายอดขายจากเวียดนาม มีส่วนทำให้รายได้ในปีหน้าเราเติบโตขึ้น" นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย คาดว่า รายได้ในครึ่งปีหลังจากดีกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 9.2 พันล้านบาท โดยในไตรมาส 3/52 คาดว่ามีรายได้เติบโต 17% จากไตรมาส 2/52 เพราะมียอดขายก๊าซในประเทศเพิ่มขึ้น และยังมั่นใจว่าในปี 52 ทั้งรายได้และกำไรสุทธิของบริษัทจะเติบโต 15% จากปีก่อน และมีอัตรากำไรขั้นต้น 10%

ในปี 51 บริษัทมีรายได้รวม 2 หมื่นล้านบาท และ กำไรสุทธิ 1,095 ล้านบาท

*ไม่รีบร้อนซื้อเหมืองรอเวลาศึกษาเพิ่ม

สำหรับธุรกิจเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย นายศุภชัย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไมได้ข้อสรุปหลังจากได้มีผู้เข้ามาติดต่อเสนอขายหลายเหมือง แต่บริษัทเห็นว่าเหมืองที่เสนอมาไม่ตรงกับความต้องการของบริษัท และบริษัทก็ไม่ใช่เป็นผู้เชี่ยวชาญ เพราะยังเป็นธุรกิจใหม่สำหรับบริษัท จึงต้องการระยะเวลาศึกษามากกว่านี้

"ดูแล้วยังไม่ตรงสเปกของเรา และเราก็ไม่มั่นใจว่าของที่อยู่ใต้ดินจะได้อย่างที่เขาบอกหรือเปล่า ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นภาพที่จะเข้าซื้อ คือยังไม่มีโอกาส หรือจังหวะดีเจอเหมืองที่ใช่...เราไม่รีบร้อนที่จะเข้าไปซื้อ"นายศุภชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีธุรกิจเทรดดิ้งถ่านหิน โดยมียอดขายเดือนละประมาณ 8 พันตัน เพื่อจะได้ให้ลูกค้ามีทางเลือกอื่นได้นอกจากก๊าซ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าถ่านหินเป็นพลังงานที่ราคาต่ำ ขณะเดียวกับบริษัทต้องการลงทุนธุรกิจเหมืองถ่านหิน เพื่อกระจายความเสี่ยงด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ