ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด รวมถึงดัชนีภาคการผลิต ตัวเลขสร้างบ้าน และตัวเลขว่างงานประจำสัปดาห์ นอกจากนี้ การที่นักวิเคราะห์ของบาร์เคลย์ส แคปิตอล ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐ ก็ยิ่งกระตุ้นภาวะการซื้อขายให้คึกคักขึ้นด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 36.28 จุด หรือ 0.4% แตะที่ 9,820.20 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดขยับขึ้น 2.81 จุด หรือ 0.3% แตะที่ 1,068.30 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 6.11 หรือ 0.3% แตะที่ 2,132.86 จุด
บลูมเบิร์กรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนหลังจากนักวิเคราะห์ของบาร์เคลย์ส แคปิตอล ปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในไตรมาสแรกปีหน้า เป็นขยายตัว 5% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 3% และคาดกว่าเศรษฐกิจจะเริ่มขยายตัวตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีนี้
ขณะเดียวกันตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของราคาหุ้นพร็อคเตอร์แอนด์แกมเบิ้ล (พีแอนด์จี) หลังจากนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นพีแอนด์จี โดยให้เหตุผลว่าพีแอนด์จีมียุทธศาสตร์การกำหนดราคาที่สามารถแข่งขันกันคู่แข่งรายใหญ่ในตลาดได้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส รวมถึงจำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานลดลงแตะระดับ 545,000 รายในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 ก.ย. จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 557,000 ราย ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 555,000 ราย
ส่วนอัตราการผลิตในภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนส.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.6% และเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 69.6% ในเดือนส.ค. นอกจากนี้ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 1.5% แตะระดับ 598,000 ยูนิต
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมีท่าทีวิตกกังวลหลังจากผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นนิวยอร์ก ลอนดอน และโตเกียว ซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กบ่งชี้ว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นทั่วโลกน้อยลงเนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะซบเซาลงอีกในช่วง 6 เดือนข้างหน้า หลังจากดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 6 ปี
ทั้งนี้ หุ้นพีแอนด์จีปิดบวก 3.2% หุ้นปาล์ม อิงค์ ปิดลบ 3%