นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมออกกองทุนตราสารหนี้อีก 2 กองทุนในช่วงไตรมาส 4/52 ซึ่งรองรับผู้ออมเงินระยะยาว และผู้ที่ต้องการลงทุนผ่าน LTF และ RMF
นายสมจินต์ กล่าวว่า หลังจากเข้ามารับตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.52 ที่ผ่านมา ก็มีความตั้งใจที่จะพยายามเน้นพัฒนากองทุนในประเภทที่บริษัทมีความถนัดทั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ LTF และ RMF พร้อมทั้งเน้นจุดเด่นของกองทุนด้าน commodity ที่เคยประสบความสำเร็จจากกองทุนทองคำ และกองทุน ETF ที่อิงกับพลังงาน
"บลจ.ทหารไทย แต่เดิมก็มีประสิทธิภาพและมีระบบการทำงานที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งการเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหาร ก็จะเน้นการบริหารกองทุนแบบ Passive และเน้นพัฒนารูปแบบบริการใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า ส่วนกองทุนต่างประเทศก็ยังคงให้ความสำคัญ แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาบริษัทจะครบกำหนดลงทุนกองทุนที่เข้าไปลงทุนในประเทศเกาหลีทั้ง 5 กอง มูลค่ารวมประมาณ 9 พันล้านบาท ขณะนี้ยังมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ เพื่อทดแทนกองทุนที่ครบกำหนดไป"นายสมจินต์ กล่าว
ส่วนทีมมาร์เก็ตติ้งที่ออกไปพร้อมกับอดีตผู้บริหาร ประมาณ 30 คนนั้น บริษัทได้แก้ไขปัญหาและมีพนักงานใหม่เข้ามาทดแทนครบจำนวนแล้ว แม้ว่าจะเสียลูกค้าบางส่วนไปให้กับทีมผู้บริหารเดิม แต่เชื่อว่าจะสามารถหาลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาทดแทนได้ โดยส่วนตัวตนไม่ได้ดึงลูกค้าจากบลจ.วรรณมาแต่อย่างใด
นายสมจินต์ กล่าวถึงประเด็นการควบรวมกิจการกันกับ บลจ.ไอเอ็นจี เนื่องจากมีธนาคารทหารไทย(TMB)เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เหมือนกันว่าไม่มีความกังวล แม้ว่าจะรวมกับ บลจ.ไอเอ็นจี หรือไม่ก็ตาม เพราะมีความถนัดในการบริหารจัดการกองทุนที่แตกต่างกัน และโดยส่วนตัวไม่เคยสอบถามว่าจะมีการควบรวมกันหรือไม่
นอกจากนี้ เชื่อว่า บลจ.ไอเอ็นจี และ บลจ.ทหารไทยก็จะเป็นคู่แข่งกันในด้านของการพัฒนารูปแบบกองทุนเพื่อรองรับลูกค้าของแต่ละบริษัท และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหา เชื่อว่าต่างฝ่ายต่างจะบริหารงานกันได้
ปัจจุบัน บลจ.ทหารไทยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM)ประมาณ 1.33 แสนล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ 6.48 หมื่นล้านบาท กองทุนลงทุนในหุ้น 7.8 พันล้านบาท กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 3.55 พันล้านบาท และกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ 4.25 หมื่นล้านบาท และที่เหลือเป็นกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ 3.38 พันล้านบาท
"การทำงานร่วมกับธนาคารทหารไทย บริษัทจะพยายามบริหารงานเชิงรุก เพื่อสร้างฐานนักลงทุนต่อเนื่องไปยังปีหน้า โดยจะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้กลุ่มลูกค้าธนาคารหันมาลงทุนผ่านกองทุนรวม ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถเพิ่มขนาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหารได้" นายสมจินต์ กล่าว