KCAR เผยศก.ซบทำยอดคืนรถเพิ่ม แต่เชื่อทำรายได้ชดเชย คงเป้าปีนี้โต 5-10%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 23, 2009 10:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพิเทพ จันทรเสรีกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส(KCAR)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในขณะนี้ทำให้มีลูกค้าทยอยคืนสัญญาเช่ารถก่อนครบเพิ่มมากขึ้นจากปีก่อน โดยคาดว่าทั้งปี 52 จะมีจำนวนประมาณ 80-100 คัน จากปีก่อนที่มีจำนวนเพียง 20-30 คัน โดยในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.มีลูกค้ามาคืนรถแล้ว 30 คัน

แต่ในขณะเดียวกัน ลูกค้ากลุ่มองค์กรปรับเปลี่ยนรูปแบบจากการซื้อรถรถยนต์มาเป็นลักษณะเช่ามากขึ้นเพื่อลดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มองค์กรที่ปัจจุบันมีสัดส่วน 95% ที่มีสัญญาเช่าเฉลี่ยประมาณ 3 ปี โดยคาดว่าจะมีจำนวนลูกค้าในส่วนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 110-115 รายในปีนี้จากปีก่อน 100 ราย รวมทั้งลูกค้าบุคคลทั่วไป ซึ่งขณะนี้มีสัดส่วนประมาณ 5-10% ก็มีปริมาณการเช่าเพิ่มขึ้นด้วย

นายพิเทพ กล่าวว่า ในด้านรายได้ของบริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบจากการทยอยคืนสัญญาเช่าก่อนกำหนด เนื่องจากมีค่าปรับที่ลูกค้าจะต้องจ่าย ประกอบกับ รายได้จากปริมาณการเช่ารถที่เพิ่มเข้ามาสามารถชดเชยการทยอยอคืนรถก่อนกำหนดไปได้อีกส่วนหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เพิ่มความเข้มงวดในการให้เช่ารถกับลูกค้ามากขึ้น โดยจะเลือกให้เช่ากับบริษัทที่มีเครดิตดี ไม่มีปัญหาเรื่องหนี้และมีความสามารถในการชำระเงินครบตามอายุสัญญาเช่ารถยนต์ 3 ปี เพื่อเป็นการลดความเสี่ยง

นายพิเทพ ยังกล่าวอีกว่า จากปริมาณการเพิ่มขึ้นของการเช่ารถ ส่งผลให้บริษัทขยายพอร์ตรถเช่าในปีนี้เพิ่มเป็น 5.7 พันคัน หรือ เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนที่มีพอร์ตรถเช่า 5.2 พันคัน โดยจะเป็นทั้งประเภทรถปกติที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซล รวมทั้งรถ NGV หลังจากที่หลายบริษัทหันมาประหยัดค่าใช้จ่าย และเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าด้วย โดยบริษัทใช้เม็ดเงินในการขยายพอร์ตประมาณ 1.2-1.5 พันล้านบาท จากวงเงินกู้ และกระแสเงินสด ซึ่งบริษัทได้รับคำสั่งเช่าล่วงหน้ามาแล้วบางส่วน

"ผมว่าตอนนี้ความต้องการใช้รถยนต์ใหม่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงความต้องการรถยนต์เช่าด้วยก็มีรูปแบบที่เปลี่ยนไป ผมมีลูกค้าใหม่บางรายหันมาใช้รถยนต์เช่าแทนเพื่อบริหารงบประมาณค่าใช้จ่าย จึงเชื่อว่าธุรกิจเช่ารถจะยังขยายตัวได้ 1-5% ในปีนี้ แต่ในส่วนบริษัทการที่จำนวนรถเช่าเพิ่มขึ้นและการกระจายฐานลูกค้าที่มากขึ้นเราน่าจะโตกว่าโดยรวม"นายพิเทพ กล่าว

บริษัทยังคงประเมินรายได้ในปี 52 เติบโตในระดับ 5-10% จากปีก่อนที่มีรายได้ราว 1.4 พันล้านบาท เป็นไปตามจำนวนรถเช่าที่เพิ่มขึ้น และในปีหน้าก็เชื่อว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง เพราะบริษัทมีแผนจะนำรถยนต์ประเภทอีโคคาร์ ซึ่งเป็นรถประหยัดพลังงานเข้ามาให้ลูกค้าเป็นอีกทางเลือกด้วย รวมทั้งบริษัทยังมีการขยายตลาดเพื่อรองรับความต้องการรถเช่าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสัดส่วนการเช่ารถแต่ละประเภทในปี 53 แบ่งเป็น รถยนต์นั่งส่วนบุคคล 70% เพิ่มจากปีนี้ที่อยู่ในระดับ 50% รถกระบะ 25% และที่เหลือรถประเภทอื่นๆ

กรรมการผู้จัดการ KCAR กล่าวต่อว่าสำหรับการหาพันมิตรเข้ามาร่วมทุน จากที่ก่อนหน้านี้บริษัทคาดว่าจะเปิดให้เข้ามาถือหุ้น 20-40% และมีการเจรจากับผู้ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศนั้น ขณะนี้คงจะชะลอออกไปก่อน เนื่องจากมองว่าจากสภาวะตลาดและเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย ขณะเดียวกันวงเงินเครดิตของบริษัทก็ยังเหลืออยู่ถึงประมาณ 1 พันกว่าล้านบาท จึงไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ