นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีความมั่นใจโดยรวมในปฏิบัติการไทยเข้มแข็งปี 2555 ว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศพื้นตัวและภาคเอกชนขยายการลงทุนเพิ่มขึ้น หลังจากสมาคมฯ ได้นำคณะนักวิเคราะห์หลักทรัพย์รับฟังข้อมูลจากนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง โดยตรงเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากการสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ 23 คนในประเด็นความมั่นใจโดยรวม พบว่า 91% มั่นใจในระดับปานกลาง และอีก 9% ระบุว่ามั่นใจมาก
สำหรับหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมากที่สุดนั้น นักวิเคราะห์ระบุตรงกันหลายคน ได้แก่ หุ้นในกลุ่มผู้รับเหมา และวัสดุก่อสร้างบางบริษัท แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ราคาหุ้นของหลายบริษัทได้ปรับตัวขึ้นสะท้อนปัจจัยบวกจากปฏิบัติการนี้ไปแล้ว ดังนั้น การเข้าไปลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ก็จะต้องใช้ความระมัดระวัง
“หุ้นในกลุ่มเหล่านี้ แม้นักวิเคราะห์คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากโครงการต่าง ๆ ภายใต้ปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง เช่น การก่อสร้าง สาธารณูปโภคเพิ่มเติม รวมถึงการสร้างรถไฟฟ้าและโครงการถนนปลอดฝุ่น อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาเข้าลงทุน ยังต้องดูข้อมูลการวิเคราะห์มูลค่าหุ้นเทียบกับราคาตลาดด้วยว่าเกินมูลค่าไปแล้วหรือไม่"นายสมบัติ กล่าว
เลขาธิการสมาคมฯ ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาดัชนี SET ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเกือบ 90% จากจุดต่ำสุดที่ 387 จุดช่วงปลายปีที่แล้ว ซึ่งหากสูงขึ้นถึงระดับ 100% หรือดัชนี SET ที่ระดับ 670 จุด ก็จะเป็นจุดที่มีความเสี่ยงในการลงทุนสูง เพราะอาจจะมีการเทขายทำกำไร และทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแม้หุ้นส่วนใหญ่จะมีราคาเกินปัจจัยพื้นฐาน แต่ก็ยังมีหุ้นอีก 40-50% ในตลาดที่ราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งนักลงทุนก็ควรจะเลือกลงทุนอย่างระมัดระวัง
นายสมบัติ กล่าวว่า ปฏิบัติการไทยเข้มแข็งน่าจะช่วยให้ภาคเอกชนมีการลงทุนต่อเนื่อง แต่ในระยะ 9-12 เดือนอาจจะเกิดภาวะฟองสบู่ได้หากรัฐยังคงนโยบายดอกเบี้ยต่ำ และในช่วงที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้นักลงทุนราว 1 แสนคนมีกำไรจากการลงทุนในหุ้น แม้จะช่วยให้มีการใช้จ่ายในประเทศเพิ่มขึ้น แต่บางส่วนใช้จ่ายเกินตัว ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจประสบกับปัญหาฟองสบู่ได้