โบรกเกอร์ เห็นพ้องแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย)(ESSO)มองปัจจัยพื้นฐานดี และจ่ายปันผลสูง คาด Divident Yield ปีนี้ที่ 6-9% อีกทั้งราคาหุ้นในปัจจุบันยังต่ำ
ESSO ได้แรงหนุนจากธุรกิจปิโตรเคมีเข้ามาช่วยเสริมผลกำไรให้กับบริษัทฯ ปัจจุบันราคาพาราไซลีนยังค่อนข้างสูงเกือบ 900 เหรียญฯ/ตันในช่วงไตรมาส 3/52 ทำให้ Spread เฉลี่ยอยู่ที่ 400 เหรียญฯ/ตัน ส่วนธุรกิจโรงกลั่น ค่าการกลั่นอ่อนลงจากไตรมาส 2/52 มาอยู่ประมาณ 3 เหรียญฯ/บาร์เรล แต่เมื่อมีรายได้ที่ดีจากธุรกิจปิโตรเคมีเข้ามาช่วยเสริม จึงมองว่าผลประกอบการของ ESSO ในช่วงไตรมาส 3/52 น่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงไตรมาส 2/52
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของ ESSO ในปี 52 จะอยู่ในช่วง 7,025-8,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วที่ขาดทุนสุทธิ 6,865 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจาก Stock Loss ถึงหมื่นล้านบาทในไตรมาส 4/51 ส่วนปีหน้าหากเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างชัดเจน ก็น่าจะทำให้ค่าการกลั่นสามารถขยับขึ้นไปกว่า 5 เหรียญฯ/บาร์เรลได้
โบรกฯ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท) Macquarie ซื้อ 10.00 Merrill Lynch ซื้อ 7.50 บล.ทรีนิตี้ ซื้อ 9.80 บล.ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) ซื้อ 8.10 บล.เอเชีย พลัส ซื้อ 8.00 บล.กสิกรไทย ซื้อ 8.50 บล.เคที ซีมิโก้ ซื้อเก็งกำไร 7.00 กว่า
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) ให้เหตุผลของการแนะนำ"ซื้อ"หุ้น ESSO ว่า เป็นผลจากการจ่ายเงินปันผลดี ซึ่งปีนี้คาดว่า Divident Yield จะอยู่ที่ 9% อีกทั้งจะเห็นได้ว่าปีนี้ธุรกิจดีขึ้น และ ESSO ก็ไม่ได้มีการลงทุนขนาดใหญ่มาก ดังนั้น จึงคาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้ของ ESSO จะอยู่ที่ 7,025 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วที่มีผลขาดทุนสุทธิ 6,865 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจาก Stock Loss ขาดทุนถึงหมื่นล้านบาทในไตรมาส 4/51
ทั้งนี้ ปีนี้คาดการณ์ว่า ESSO จะได้ Stock Gain ประมาณ 2,000 ล้านบาทภายใต้การคาดการณ์ว่าระดับราคาน้ำมันดิบน่าจะปรับตัวขึ้นไม่แรงมาก เฉลี่ยน่าจะอยู่แถวๆ 65-75 เหรียญฯ/บาร์เรล แต่หากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นมากก็จะเป็นผลดีต่อ ESSO
ส่วนปี 53 หากเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างชัดเจน ก็น่าจะทำให้ค่าการกลั่นปรับ 5 เหรียญฯขึ้นไปได้ จากปัจจุบันที่ค่าการกลั่นอยู่แถว 3-4 เหรียญฯ ถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำในปีนี้
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนิตี้ กล่าวว่า ราคาหุ้น ESSO ปัจจุบันยังเทรดอยู่ต่ำกว่า P/BV ซึ่งให้ไว้ที่ 1.2 เท่า คิดเป็นราคาเป้าหมาย 9.80 บาท/หุ้น โดยมูลค่าทางบัญชี(Book value)ของ ESSO ในปี 53 คาดว่าจะอยู่ที่ 8.1 บาท/หุ้น ดังนั้นราคาหุ้น ESSO ยังมี upside
นอกจากนี้ ESSO ขณะนี้ยังได้แรงหนุนจากธุรกิจปิโตรเคมีเข้ามาช่วยเสริมผลกำไรให้กับบริษัทฯ เนื่องจากปัจจุบันราคาพาราไซลีน(Px)ยังค่อนข้างสูงเกือบ 900 เหรียญฯ/ตัน ในช่วงไตรมาส 3/52 ทำให้ Spread เฉลี่ยมีอยู่ 400 เหรียญฯ/ตัน ซึ่งทำให้ผลกำไรของ ESSO สามารถดีได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นในช่วงไตรมาส 3/52 แม้ว่าค่าการกลั่นจะอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ประมาณ 3 เหรียญฯ/บาร์เรล เมื่อเทียบกับค่าการกลั่นในช่วงไตรมาส 2/52 ที่อยู่ในระดับ 4.1 เหรียญฯ/บาร์เรล แต่เมื่อได้รายได้จากธุรกิจปิโตรเคมีเข้ามาช่วยเสริม จึงทำให้มองว่าผลประกอบการของ ESSO ในช่วงไตรมาส 3/52 น่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงไตรมาส 2/52
สำหรับทั้งปี 52 คาดว่า ESSO จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีผลขาดทุนสุทธิ 6,865 ล้านบาท อันเนื่องมาจากขาดทุน Stock Loss ส่วน Divident Yield ของ ESSO ในปีนี้คาดว่าจะอยู่ประมาณ 6-7% ซึ่งก็ถือว่าเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดี ซึ่งในครึ่งแรกปีนี้ ESSO ก็ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.25 บาท/หุ้น
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ราคาหุ้น ESSO ในปัจจุบันค่อนข้างต่ำ เทรดด้วยค่า P/E แค่ 6 เท่า เมื่อเทียบกับหุ้น TOP, PTTAR ที่เทรดด้วยค่า P/E ประมาณ 8 เท่า ซึ่ง TOP, PTTAR ได้แรงหนุนจากเรื่องของการควบรวมกิจการ ส่วน ESSO ตอนนี้ยังไม่มีปัจจัยอย่างอื่นมาสนับสนุนการลงทุน
อย่างไรก็ดี ปัจจัยพื้นฐานของ ESSO ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จากธุรกิจปิโตรเคมีที่ราคาพาราไซลีนยังให้ Spread ที่ยังดีอยู่ แม้ว่าจะอ่อนตัวลงไปบ้าง แต่ก็ยังทำกำไรได้ดี โดยปัจจุบัน Spread อยู่ที่ 350 เหรียญฯ/บาร์เรล ลดลงจากช่วงก่อนหน้านี้ที่อยู่ในระดับ 500 เหรียญฯ/บาร์เรล
ส่วนธุรกิจโรงกลั่น ESSO จะมีกำไรจากธุรกิจนี้ไม่มาก แต่ก็ยังดีที่ ESSO เน้นผลิตน้ำมันเบนซินทำให้มี Spread ที่สูงกว่าดีเซล โดยปัจจุบันค่าการกลั่นยังอยู่ในระดับที่ต่ำอยู่แค่ 3 เหรียญฯ/บาร์เรล
นอกจากนี้ ผลประกอบการของ ESSO ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ก็ถือว่าออกมาดีกว่าที่ตลาดฯคาดการณ์ไว้ และเชื่อว่าปีนี้ ESSO จะมีผลกำไรได้อย่างแน่นอน เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มีผลขาดทุนสุทธิ ทั้งนี้ คาดการณ์ค่าเฉลี่ยราคาน้ำมันในปีนี้ไว้ที่ 60 เหรียญฯ/บาร์เรล พร้อมมองว่าราคาน้ำมันในช่วงปลายปีนี้คงจะไม่มีการปรับตัวลงแรง