"ยุทธพงษ์" มั่นใจชนะคดีขอเปิดประชุมผถห. PERM บ่ายพรุ่งนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 23, 2009 16:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายยุทธพงษ์ เสรีดีเลิศ ผู้ถือหุ้น บมจ.เพิ่มสินสตีลเวิร์ค(PERM)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า มั่นใจว่าชนะคดีที่เป็นโจทก์ฟ้องเรียกร้องขอให้บริษัทเปิดการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อใช้สิทธิส่งตัวแทนเป็นกรรมการใน PERM หลังจากเข้าถือหุ้นเกิน 1 ใน 5 ซึ่งศาลได้นัดไกล่เกลี่ยคดีในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ โดยเชื่อว่าศาลจะมีคำสั่งนัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งใหม่

"พรุ่งนี้เป็นเรื่องที่จะขอเปิดประชุมใหม่ ส่วนเรื่องที่จะขอเข้าไปนั่งเป็นกรรมการบริษัทผมไม่ได้ฟ้อง เพราะศาลคงตัดสินให้ผมนั่งเป็นบอร์ดหรือไม่เป็นบอร์ดไม่ได้ คงเกี่ยวกับทาง PERM จะดำเนินการอย่างไร...ทำไมถึงไม่เปิดประชุมให้ เรื่องนี้ผมยื่นไปตั้งแต่ปีที่แล้ว บางทีผมก็ท้อเหมือนกันว่าทำไมหน่วยงานอื่นไม่เข้ามาช่วยกันเลย เพราะไม่ใช่เงินน้อยๆ หลักเป็นร้อยล้านบาท"นายยุทธพงษ์ กล่าว

ทั้งนี้ หากศาลฯ ตัดสินให้เปิดประชุมผู้ถือหุ้นได้ ก็คาดว่าจะใช้เวลาเตรียมการ 30 วันหลังจากที่ศาลมีคำตัดสิน

สาเหตุที่มีความมั่นใจเพราะศาลฯ ขอหลักฐานแค่เอกสารรับรองการถือหุ้น ซึ่งทางฝ่ายโจทก์รวบรวมหุ้นเพื่อยื่นต่อศาลเรียบร้อยแล้วและมีหุ้นครบตามเกณฑ์ แม้ว่าขณะนี้โดยส่วนตัวจะถือหุ้นเหลือ 40 กว่าล้านหุ้น หรือประมาณ 6% กว่าหลังจากที่ได้ตัดขายออกไปราว 2 ใน 3 ส่วน เพราะต้องการรอความชัดเจนหลายเรื่อง ซึ่งนอกจากคดีนี้แล้วยังมีอีกคดีที่ได้ยื่นฟ้องร้องเกี่ยวกับการประชุมผู้ถือหุ้น PERM ครั้งที่แล้วที่มองว่ามีการบล็อกโหวต แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของคดีได้ "ปัจจุบันผมถือหุ้นเหลือ 6% กว่า โดยก่อนหน้านี้ผมให้คนอื่นในกลุ่มผมออกไปลงทุนตัวอื่นก่อนดีกว่า เพราะผมยังไม่มี direction ที่แน่นอน ตอนนี้ผมรอคดี 2 ด้วยที่จะตัดสินอีก และถ้าคดี 2 ที่ศาลนัดวันที่ 26-27-28 ม.ค.53 ตัดสินแล้วผมจะได้ความชัดเจนกับทางบริษัทว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น"นายยุทธพงษ์ กล่าว

สำหรับการเรียกร้องสิทธิเข้าเป็นกรรมการบริษัทจะสำเร็จหรือไม่ จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องสำคัญตั้งแต่แรก แต่ต้องการเรียกร้องเพื่อความถูกต้องของการเป็นผู้ลงทุน ซึ่งควรจะต้องสิทธิมีเสียงในบริษัทตามที่พึงมี เพราะหากเป็นบริษัทอื่นถ้าถือหุ้นถึง 5% ผู้บริหารก็คงจะเจรจาให้เข้าไปเป็นกรรมการแล้ว นอกจากนั้น ยังมีข้อสงสัยว่าหลังจากเข้าไปซื้อหุ้นแล้วเหตุใดราคาหุ้นจึงปรับตัวลดลงเรื่อย ๆ และสุดท้ายก็มีผลขาดทุน ทั้งๆที่ธุรกิจเหล็กในปีที่แล้วมีกำไร ซึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องผิดปกติที่ต้องการเข้าไปตรวจสอบ

"ถ้าเปิดประชุมได้จะซื้อหุ้นเพิ่มอีกหรือไม่ก็คงต้องดู direction ก่อนว่าเปิดประชุมแล้วผู้บริหารจะพูดอะไรในที่ประชุม ถ้าพูดอะไรที่เคลียร์หมด ผมก็ยินดีจะกลับมาลงทุนใหม่ เพราะผมสนใจที่ระบบองค์กร"นายยุทธพงษ์ กล่าว

นายยุทธพงษ์ กล่าวว่า หากในการประชุมผู้ถือหุ้นได้รับการชี้แจงอย่างชัดเจน และเห็นว่าธุรกิจของบริษัทมีความน่าสนใจ ก็อาจจะชักชวนเพื่อนๆให้เข้ามาช่วยกันลงทุนเพิ่มอีก แต่หากเห็นว่ามีปัญหาก็คงต้องปกป้องเพื่อนพ้องก่อน โดยที่ตนเองจะคงสัดส่วนการถือหุ้นไว้เพื่อรอความถูกต้องเพียงคนเดียว โดยขณะนี้รวมทั้งกลุ่มเหลือถือหุ้นอยู่ประมาณ 8-9% จากเดิมที่ตนเองถือคนเดียว 18% แต่ต้องตัดขายไปเพื่อก่อเกิดรายได้ก่อน

"ผมไม่ได้ยืนยันว่าผมอยากจะส่งทีมงานเข้ามาในบอร์ด ที่ผมส่งเข้าไปก็เพื่อว่าจะได้รับรู้อะไรมากขึ้นในบริษัท เพราะผมก็ถืออยู่ใน 1 ใน 5 ...1 ใน 4 ตอนนี้ผมอยากให้มีการดำเนินอย่างโปร่งใสถูกต้อง"นายยุทธพงษ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ก็ยังมั่นใจในธุรกิจของ PERM เพียงแต่ต้องดูธรรมาภิบาลในบริษัทด้วย เชื่อว่าหากปรับจูนให้ถูกต้องก็จะทำให้ธุรกิจของบริษัทไปได้อีกไกล เพราะปัจจุบันความต้องการเหล็กในประเทศฟื้นตัวอย่างชัดเจน ราคาก็ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากราว 20-30% จากในอดีตอยู่ที่ 15 บาท/กก. ขณะนี้ขึ้นมาเป็น 20 บาทกว่า/กก.แต่ก็ยังต้องรอปัจจัยสนับสนุนจากภาครัฐและจากแบงก์ด้วยเพราะผู้ก่อสร้างก็ต้องมีความต่อเนื่องทั้งเงินทุนทั้งโครงการที่จะได้รับ

นายยุทธพงษ์ ยังมองว่าผลประกอบการ PERM ไตรมาส 3/52 น่าจะเป็นตัวชี้ว่าธุรกิจไม่ได้แย่ลงไปกว่าเดิมมากกว่า และน่าจะปรับตัวดีขึ้นชัดเจนในไตรมาส 4/52 เช่นเดียวกับทุกบริษัท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ