(เพิ่มเติม) SMT เผยลูกค้าหลักเพิ่มออเดอร์กว่า 70%, คาด H2/52 กำไรโตมากกว่า 25%

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 24, 2009 11:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมนึก ไชยกุล ประธานกรรมการ บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์(SMT)เปิดเผยว่า ผลจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทำให้บริษัทได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มจำนวนมากถึงกว่า 70% จากกลุ่มลูกค้าหลัก ทั้งในธุรกิจไมโครอิเล็คทรอนิกส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์รายได้เป็นอันดับ 2 ของโลกที่ได้ยืนยันคำสั่งซื้อล่วงหน้าเพิ่มขึ้นมาก โดยมีกำหนดการส่งมอบสินค้าตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 นี้จนถึงกลางปี 53

นอกจากนั้น ยังมีคำสั่งซื้อเพิ่มเติมในธุรกิจไอจำนวนมากเช่นกัน รวมทั้ง จากลูกค้ากลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งสินค้าที่บริษัทผลิตหลายประเภทกำลังมีความต้องการในตลาดโลกเพิ่มขึ้นอย่างทวีคุณ อาทิ แผงวงจร TPM ที่ทางสหรัฐประกาศให้เป็นอุปกรณ์บังคับในรถยนต์ทุกคันที่ผลิตในประเทศ ทำให้บริษัทมียอดคำส่งซื้อเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว

นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SMT คาดว่า ครึ่งปีหลังจะมีรายได้รวมและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งสามารถสร้างกำไรสุทธิได้เป็นประวัติการณ์ ยิ่งไปกว่านั้นการฟื้นตัวอย่างรุนแรงของอุตสาหกรรอิเล็คทรอนิกส์ทำให้บริษัทได้รับประโยชน์โดยตรงทั้งรายได้รวมที่จะเพิ่มขึ้นอย่างสูง และกำไรสุทธิเติบโตตามฤดูกาลไม่ต่ำกว่า 25% ตามอุตสาหกรรมอิเลคทรอนิกส์

ปัจจุบัน บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 70% จากธุรกิจผลิตชิ้นส่วนไมโครอิเล็กทรอนิกส์ และประมาณ 30% จากธุรกิจผลิตไอซี

นายพลศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะมีปริมาณกำไรสุทธิเพิ่มกว่า 250 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 5 ปีตามระยะเวลาสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ที่ให้ยกเว้นการเรียกเก็บภาษีรายได้ตลอด 8 ปีโดยไม่มีการกำหนดเพดานผลกำไรสุทธิสะสม ซึ่งบริษัทเป็นบริษัทแรกและแห่งเดียวในประเทศที่ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมนี้

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทจะนำไปใช้ชำระหนี้ระยะสั้น ซึ่งจะทำให้สามารถลดภารดอกเบี้ยจ่ายปีละกว่า 20 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น และลดอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนลดลงจากปัจจุบัน 1.1 เท่า นอกจากนี้ บริษัทยังมีวงเงินกู้ที่ยังไม่ได้ใช้อีกประมาณ 600 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในปี 53 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 30% เพิ่มขึ้นจากอัตราการเติบโตในปีนี้ที่จะเฉลี่ยทั้งปี 20-25% เนื่องจากแนวโน้มของธุรกิจอิเลคทรอนิกส์ที่ฟื้นตัว ซึ่งการฟื้นตัวของธุรกิจ เริ่มตั้งแต่ในครึ่งหลังของปีนี้แล้ว และเป็น seasonal ของธุรกิจ ประกอบกับบริษัทมีออเดอร์จากลูกค้าใหม่จำนวน 5-6 ราย ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจไอซี ซึ่งมีมาร์จิ้นสูงเกิน 40%

ดังนั้น จากออเดอร์ดังกล่าวจะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่ม 10-15% ของรายได้ในปีนี้ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท และจากออดอร์ไอซีที่มากขึ้นทำให้ใน 1-2 ปี สัดส่วนรายได้ของบริษัทที่มาจากธุรกิจไอซีจะเพิ่มขึ้นเป็น 50% จาก 30% ขณะที่ ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนไมโครอิเล็กทรอนิกส์จาก 70% ลดเหลือ 50%

"ตอนนี้คงไม่มีปัจจัยอะไรที่เข้ามากระทบธุรกิจแล้ว ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และผมว่าตอนนี้ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ใครก็ต้องการ ซึ่งการที่เราเข้าตลาดก็ถือเป็นจังเหวะที่เหมาะสม ในการรองรับออเดอร์ที่จะเข้ามา"นายพลศักดิ์ กล่าว

ด้านนายไพบูลย์ นรินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน SMT กล่าวว่า ราคาหุ้น SMT ที่ปรับขึ้นถือว่าสะท้อนราคาและปัจจัยหุ้นตัวนี้ว่านักลงทุนให้ความเชื่อมั่น และธุรกิจอิเลคทรอนิกส์อยู่ในช่วงฟื้นตัว ประกอบกับการตั้งราคาที่เหมาะสม และมีการจ่ายปันผลทำให้นักลงทุนมีความสนใจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ