ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดร่วงลงกว่า 2% ในวันนี้ โดยในระหว่างวันดัชนีดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 10,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 เดือน เนื่องจากราคาหุ้นของบริษัทส่งออกของญี่ปุ่น รวมถึงผู้ผลิตรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ดิ่งลงหลังจากสกุลเงินเยนแข็งค่าขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินถูกแรงขายกระหน่ำลงเช่นกัน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดร่วงลง 256.46 จุด หรือ 2.50% แตะที่ 10,009.52 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค.เป็นต้นมา
ทากาฟูมิ โฮริอูชิ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์มิซูโฮกล่าวว่า ค่าเงินเยนพุ่งขึ้นแตะระดับ 88 เยนต่อดอลลาร์ในช่วงเช้านี้ ส่งผลให้นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นบริษัทส่งออก รวมถึงผู้ผลิตรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทส่งออกหดตัวลงในตลาดต่างประเทศ
ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นหลังจากนายฮิโรฮิสะ ฟูจิอิ รมว.คลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เขากำลังจับตาดูสกุลเงินเยนที่แข็งค่าเพียงด้านเดียวในขณะนี้ หลังจากเงินเยนแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือนเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ โดยนายฟูจิอิไม่สนับสนุนการอ่อนค่าลงของเงินเยน ซึ่งการแสดงความคิดเห็นของเขาทำให้เกิดการคาดการณ์ที่ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะไม่เข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราเพื่อสกัดการแข็งค่าของเงินเยน
นักลงทุนจับตาดูผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่น (ทังกัน) ประจำไตรมาส 3 ซึ่งธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าผลสำรวจทังกันจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ -33 จุด จากไตรมาส 2 ที่ระดับ -48 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย และสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่นซึ่งรวมถึงผู้ผลิตรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ยังคงมองว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังฟื้นตัวไม่มากพอที่ทางบริษัทจะเพิ่มการลงทุนในระยะนี้
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มขนส่งทางทะเล กลุ่มเหล็กและเหล็กกล้า และกลุ่มหลักทรัพย์ ร่งลง ส่วนหุ้นกลุ่มคลังสินค้าและกลุ่มค้าปลีก ดีดตัวขึ้นเล็กน้อย