นายนิมิตร หมดราคี ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่และตัวแทนของกลุ่มผู้ถือหุ้น บมจ. 124 คอมมิวนิเคชั่นส (PR124) จำนวน 14,647,500 หุ้น หรือคิดเป็น 32.55% ของทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดและของสิทธิออกเสียงทั้งหมด ทำหนังสือแจ้งต่อกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ที่ยื่นทำคำเสนอซื้อกิจการว่า ตนเองและกลุ่มจะไม่ขายหุ้นที่ถืออยู่ในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ครั้งนี้
สำหรับกลุ่มของนายนิมิตร ประกอบด้วย บุคคลในตระกูล"หมดราคี" ประกอบด้วย นายนิมิตร จำนวน 12,561,500 หุ้น คิดเป็น 27.91%, นางมนิลา ลดาวัลย์ จำนวน 571,000 หุ้น คิดเป็น 1.27%, นายนิวัตร หมดราคี จำนวน 490,000 หุ้น คิดเป็น 1.08%, นางพันทิพา หมดราคี จำนวน 340,000 หุ้น คิดเป็น 0.76%, นางสาวพิลิปดา หมดราคี จำนวน 340,000 หุ้นท คิดเป็น 0.76%, นายพงศ์ชยุติ ลดาวัลย์ จำนวน 340,000 หุ้น คิดเป็น 0.76% และนายนิคม หมดราคี จำนวน 5,000 หุ้น คิดเป็น 0.01% รวมทั้งสิ้น 14,647,500 หุ้น คิดเป็น 32.55%
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2552 เมื่อวันที่ 28 ก.ย.52 มีมติอนุมัติแต่งตั้งบริษัท แอดไวซอรี่ พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาของผู้ถือหุ้น เพื่อให้ความเห็นเกี่ยวกับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการ หลังบริษัทได้รับสำเนาคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการ(แบบ 247-4)จากนายคุณากร เศรษฐี นายวิรัตน์ อุดมสินวัฒนา และนางกิ่งกาญจน์ สมิตานนท์ กลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ เมื่อวันที่ 28ก.ย.52
นอกจากนี้ ให้แก้ไขรายละเอียดของบริษัทย่อยที่จะจัดตั้ง คือ บริษัทที่ 1 คือ บริษัท 124 Communications Consulting Co., Ltd จากจำนวนหุ้น 5,000,000 หุ้น เป็น 500,000 หุ้น จากมูลค่าที่ตราไว้ต่อหุ้น 1 บาท เป็น 10 บาท และ บริษัทที่ 2 คือ บริษัท เวิร์กฮาร์ท จำกัด แก้ไขเป็น บริษัทเวิร์ค บาย ฮาร์ท จากจำนวนหุ้น 5,000,000 หุ้น (ห้าล้านหุ้น) แก้ไขเป็น 500,000 หุ้น จากมูลค่าที่ตราไว้ต่อหุ้น 1 บาท เป็น 10 บาท
สำหรับแบบทำคำเสนอซื้อที่ทางกลุ่มของนายคุณากรได้จัดทำขึ้นว่า มีความประสงค์ที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในกิจการ โดยการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทัง้หมดของกิจการโดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer) โดยมีระยะเวลาในการรับซื้อตั้งแต่ 29 กันยายน-3 พ.ย. 2552
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกลุ่มนายนิมิตรได้แสดงความจำนงที่จะไม่ขายหุ้นของบริษัทที่ถืออยู่ 32.55% ดังนั้น จำนวนหุ้นสามัญที่เหลือ (ไม่รวมหุ้นที่ถือโดยผู้ทำคำเสนอซื้อจำนวน 7,647,923 หุ้น หรือคิดเป็น 17% ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายและชำระแล้วทัง้หมดและของสิทธิออกเสียงทั้งหมด) ที่ผู้ทำคำเสนอซื้อจะเสนอซื้อในครั้งนี้มีจำนวน 22,704,577 หุ้น หรือคิดเป็น 50.45% ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายและชำระแล้วทัง้หมดของกิจการและของสิทธิออกเสียงทั้งหมด
ทั้งนี้ ราคาเสนอซื้อเท่ากับหุ้นละ 3.50 บาท จะคิดเป็นมูลค่าในการทำคำเสนอซื้อทั้งสิ้น 79,466,019.50 บาท หากผู้ถือหุ้นสามัญทุกรายแสดงเจตนาขายหุ้นสามัญทั้งหมดตามคำเสนอซื้อครั้งนี้ โดยผู้ทำคำเสนอซื้อจะใช้แหล่งเงินทุนจากเงินฝากธนาคารของผู้ทำคำเสนอซื้อทั้ง 3 ราย ในจำนวนเงินรวม 79,514,925.14 บาทเป็นแหล่งเงินทุนในการชำระมูลค่าของการเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดในครั้งนี้
หากกลุ่มนายนิมิตรเปลี่ยนความจำนงและประสงค์ที่จะขายหุ้นสามัญจำนวน 14,647,500 หุ้น ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 51,266,250 บาท ในการทำคำเสนอซื้อในครั้งนี้ ผู้ทำคำเสนอซื้อมีแผนสำรองในการหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมจากสถาบันการเงิน และ/หรือ แหล่งเงินกู้อื่น