บล.เอเซีย พลัส ระบุ หลังศาลสั่งระงับการลงทุน 76 โครงการมูลค่า 4 แสนล้านบาท เป็นการชั่วคราว จะส่งผลต่อผู้ประกอบการใน 3 กลุ่มหลักคือ PTT รวม 29 โครงการ อาทิ โรงแยกก๊าซฯหน่วยที่ 6 (จะแล้วเสร็จต้นปี 2553) ตามมาด้วย PTTCH สำหรับส่วนต่อขยายกำลังการผลิตโพลิเอทิลีน และ PTTAR เป็นโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานอะโรเมติกส์ กลุ่ม SCG รวม 12 โครงการ อาทิ SCC, TPC และ GLOW โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม
"ข่าวนี้นอกจากจะส่งผลกระทบให้ขบวนการผลิตต้องล่าช้าไปจากแผนที่กำหนดแล้ว ภาระต้นทุนต่าง ๆ จะเพิ่มขึ้น ทั้งต้นทุนค่าเสียโอกาส ต้นทุนในการรักษาสิ่งแวดล้อม (Social Cost) ที่เข้มงวดขึ้น โดยหลังจากนี้เชื่อว่าผู้ประกอบการจำเป็นจะต้องทำประชาพิจารณ์ หรือทำความเข้าใจกับประชาชนในท้องที่อย่างจริงจัง เพื่อให้แผนลงทุนเดินหน้า เพราะแผนการลงทุนได้กำหนดการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอนาคต" บล.เอเซีย พลัส ระบุ
บล.ธนชาต มองอาจกระทบ PTT PTTCH SCC แต่ผู้บริหาร GLOW ยืนยันไม่ถูกกระทบโดยตรง แต่อาจถูกกระทบทางอ้อม , SCC มีความเสี่ยงที่จะถูกขายทำกำไรจากการที่ราคา +125% ใน 6 เดือนจนใกล้ระดับ STD +2, ราคา PTTCH +147% ใน 6 เดือน, outperformed ตลาด 85% แนะ “ขายลดความเสี่ยง" ใน PTTCH SCC GLOW แต่น่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่เป็น market contrarians ในการ “ซื้อในราคาต่ำ" ใน PTT PTTEP ที่พื้นฐานยังแข็งแกร่ง และยังมี upside เมื่อเทียบกับ Mkt cap/BV ในอดีต ขณะที่บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เผยบริษัทที่เข้าข่ายได้รับผลกระทบประกอบไปด้วย PTT, PTTCH, PTTAR และ SCC ซึ่งมีโครงการที่ลงทุนอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
บล.คันทรี กรุ๊ป รวบรวมในเบื้องต้นว่ามี 13 บริษัทในตลาดหุ้น และ 3 บริษัทที่รับผลกระทบมากที่สุด คือ PTT, PTTCH และ PTTAR ข่าวนี้ น่าจะกระทบต่อตลาดหุ้นโดยตรง
วานนี้ PTT ปิดที่ 259 บาท
PTTCH ปิดที่ 77.25 บาท
PTTAR ปิดที่ 25.50 บาท
SCC ปิดที่ 227 บาท