กลุ่มบริษัทในเครือ บมจ.ปตท.(PTT) เผยเตรียมหารือกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนวทางลดผลกระทบหรือยื่นอุทธรณ์กรณีศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดรวม 76 โครงการ มูลค่าลงทุนกว่า 4 แสนล้านบาท
"ตอนนี้เราดูทุกอย่างประกอบกับ ยังไม่ถึงขั้นยื่นอุทธรณ์" นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน PTT กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นายเทวินทร์ ยืนยันว่า กลุ่ม ปตท.ได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับของภาครัฐอย่างเคร่งครัดตามมาตรฐานสากล โดยตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมาได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่การดูแลรับผิดชอบสังคมสิ่งแวดล้อม และมีการปรับปรุงระบบการทำงานและเทคโนโลยีให้ทันสมัยอยู่เสมอ
นอกจากนั้น กลุ่ม ปตท.ได้ร่วมมือกับภาครัฐและชุมชนในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการลดและขจัดมลพิษปี 2550-2554 ซึ่งในช่วง 2 ปีแรก กลุ่ม ปตท.สามารถลดปริมาณการระบายก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน(NOx) และก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์(SO2) ลงได้กว่า 43% และ 45% ตามลำดับจากค่าที่ได้รับอนุมัติใน EIA รวมทั้งลดปริมาณการใช้น้ำในกระบวนการผลิตได้กว่า 1 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ลดปริมาณน้ำทิ้งกว่า 7 แสนลูกบาศก์เมตรต่อปี และลดปริมาณขยะอุตสาหกรรมลงได้ 378 ตันต่อปี
ทั้งนี้ กลุ่ม ปตท.มุ่งมั่นที่จะร่วมส่งเสริมให้ จ.ระยองเป็นเมืองที่น่าอยู่ ผ่านมาตรฐานการดำเนินงานที่เข้มงวดระดับสากล ยึดหลักธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม และพร้อมปฏิบัติตามข้อกำหนด กฎเกณฑ์ตามแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษที่ส่วนท้องถิ่นกำลังเร่งจัดทำเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดต่อไป
วานนี้ ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้หน่วยงานของรัฐสั่งระงับโครงการหรือกิจกรรมการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุด จ.ระยอง ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ยกเว้นโครงการหรือกิจกรรมที่ได้รับใบอนุญาตก่อนวันประกาศใช้บังคับรัฐธรรมนูญปี 50 และโครงการหรือกิจกรรมที่ไม่ต้องทำ EIA ตามประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงวันที่ 16 มิ.ย.52
โดยโครงการแนบท้ายคำฟ้องที่อาจจะได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลดังกล่าวมีทั้งสิ้น 76 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 4 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการของกลุ่ม ปตท.จำนวน 25 โครงการ ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 เพื่อผลิตก๊าซหุงต้ม และวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง, โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานเพื่อลดปริมาณการใช้พลังงาน น้ำ และสารเคมี, โครงการปรับลดการระบายมลพิษ และโครงการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐานยูโร 4 เพื่อปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศให้ดียิ่งขึ้น เป็นต้น
"การระงับโครงการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อคู่ค้า คู่สัญญา สถาบันการเงิน อุตสาหกรรมต่อเนื่องในสายโซ่อุปทาน(supply chain) และส่งผลกระทบต่อการจ้างงานกว่า 1 แสนคน ซึ่งรวมถึงแรงงานในพื้นที่อีกด้วย" นายเทวินทร์ ระบุในเอกสารเผยแพร่