นายวิวัฒน์ จิรัฐติกาลสกุล รองกรรมการผู้จัดการ บมจ. เหมราชพัฒนาที่ดิน (HEMRAJ) เปิดเผยว่า ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณการกลับมาของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศในการซื้อที่ดินมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 1 ถึง ไตรมาส 2 ที่ลดลง 30% โดยลูกค้ารายใหม่ที่เข้ามาเป็นออสเตรเลีย จีน รวมถึงลูกค้ารายเดิม จึงทำให้มีความเป็นไปได้ที่ยอดขายที่ดินในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 300-500 ไร่
แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะมีสัญญาณการฟื้นตัวในการกลับมาซื้อที่ดินที่มากขึ้นก็ตาม แต่คาดว่ารายได้ในปีนี้คงลดลงจากปีก่อนแน่นอน เพราะปีก่อนมียอดขายที่ดินสูง 1.7 พันไร่ และมีรายได้รวม 5,011.10 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีรายได้จากสาธารณูปโภคเป็นตัวสนับสนุนไม่ให้รายได้ในปีนี้ปรับตัวลดลงรุนแรงมากนัก และยังเชื่อว่าจะสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 40% เนื่องจากมีรายได้จากสาธารณูปโภคปีนี้จะเพิ่มเป็น 45% จาก 30% ในปีก่อน
ขณะที่รายได้จากการขายลดลงมาอยู่ที่กว่า 40% จากกว่า 60% ในปีก่อน ส่วนที่เหลือมาจากการเช่าตึกและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในส่วนของโครงการอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้คงจะยังไม่เห็นการพัฒนาโครงการคอนโดฯเพิ่มจากปัจจุบันที่บริษัทมีคอนโดฯ เดอะพาร์คชิดลม ที่เหลือไม่ถึง 20 ยูนิต
นายวิวัฒน์ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีที่ดิน จำนวน 2 ไร่ บริเวณแอร์พอร์ตลิงค์ สถานีรามคำแหง ที่สามารถพัฒนาได้ แต่ก็จะต้องศึกษาและพิจารณาดีมานด์ความต้องการด้วย ถึงแม้ในในอนาคตเมื่อมีการเปิดใช้แอร์พอร์ตลิงค์จะทำให้ที่ดินดังกล่าวจะกลายเป็นที่น่าสนใจมากขึ้นและจะทำให้ที่ดินมีมูลค่าเพิ่มขึ้นก็ตาม
ขณะที่ ตึกยูเอ็ม ทาวเวอร์ ย่านคลองตันก็มีอัตราการเช่าเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าหลังการเปิดใช้แอร์พอร์ตลิงค์ อัตราค่าเช่าจะเพิ่มขึ้น 20% จากปัจจุบัน
"ตอนนี้ ถือว่าอยู่ในช่วงท้าทายต่อการไปให้ถึงเป้าหมายในการขายที่ดินที่เราวางไว้ ซึ่งผมมองว่าน่าจะเป็นไปได้ เพราะเมื่อดูจากสัญญาณการเข้ามาของลูกค้า ทั้งพื้นที่ขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ขณะที่ลูกค้าที่เข้ามามีหลากหลายอุตสาหกรรม ราคาในการขายก็ปรับเพิ่มขึ้นด้วย"นายวิวัฒน์ กล่าว
ส่วนการที่ศาลปกครองกลางที่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด 76 โครงการนั้น ยอมรับว่ากระทบบ้างแต่ไม่มาก และเชื่อว่าจะสามารถปรับปรุงและแก้ไขได้ในที่สุด
นายวิวัฒน์ กล่าวถึงแผนเสนอขายหุ้นกู้ที่บริษัทได้ขออนุมัติผู้ถือหุ้นไว้ 3 พันล้านบาทนั้น บริษัทคาดว่าในปีนี้คงจะไม่มีการออกหุ้นกู้ แต่คาดว่าจะเป็นปีหน้า และก่อนการเสนอขายก็จะต้องมีการทำ Book Build เพื่อสำรวจความต้องการของนักลงทุนว่าต้องการมากเท่าไหร่ เพื่อจะได้เสนอขายให้เพียงพอกับความต้องการ ซึ่งก็เป็นไปได้ที่จะเสนอขายทั้งจำนวน