โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์(BH)มองสถานกาณ์เริ่มดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้(2552)จัดได้ว่าเป็นช่วง High Season จากที่จำนวนคนไข้ต่างชาติเริ่มกลับมา และคนไข้คนไทยก็เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งสถานการณ์ได้ดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรกที่คนไข้ต่างชาติหายไปเลย อีกทั้งในแง่ของการให้บริการ BH ก็เป็นที่ยอมรับ และ BH ยังมีการบริหารต้นทุนที่ดีมาก
นอกจากนี้ หุ้น BH เป็นหุ้นโรงพยาบาลที่จัดอยู่ในกลุ่มหุ้น defensive ตลาดฯยังให้ความสนใจด้วย
ส่วนปีหน้า(2553)คาดว่าจะดีขึ้นกว่าปีนี้อีก เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น และคาดว่ามาร์จินจะดีขึ้นด้วย โดยเฉพาะจากโรคที่ซับซ้อน รวมทั้งค่ายามีโอกาสที่จะปรับขึ้น เนื่องจากค่ายาจะมีการปรับขึ้นประมาณ 2% ในทุกต้นปีอยู่แล้ว
ทั้งนี้ โบรกฯได้คาดการณ์กำไรปกติปีนี้(2552)อยู่ในช่วง 1,178-1,313 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว(2551)ที่มีกำไรปกติอยู่ที่ 1,160 ล้านบาท ส่วนปีหน้า(2553)คาดว่ากำไรปกติจะอยู่ในช่วง 1,200-1,400 ล้านบาท
ล่าสุดราคาหุ้น BH ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 29.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท(+4.39%)มูลค่าซื้อขาย 110.24 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 28.25 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 30 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 28.25 บาท
โบรกฯ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท) บล.เอเชีย พลัส ซื้อ 31.90 บล.ไทยพาณิชย์ ซื้อ 33.00 บล.กสิกรไทย ซื้อ 32.00 บล.ทิสโก้ ซื้อ 37.75 บล.พัฒนสิน ซื้อ 32.00 บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)ซื้อ 30.4 บล.เกียรตินาคิน ซื้ออ่อนตัว 26.00(มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้น)
น.ส.นริน วิริยะเสถียร นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) ให้เหตุผลที่แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์(BH) ว่า สถานกาณ์เริ่มดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้(2552)จากที่จำนวนคนไข้ต่างชาติเริ่มกลับมา และคนไข้คนไทยก็เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งสถานการณ์ได้ดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรกที่คนไข้ต่างชาติหายไปเลย และปีหน้า(2553)มองว่าจะดีขึ้นกว่าปีนี้อีก เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น และคาดว่ามาร์จินจะดีขึ้นด้วย โดยเฉพาะจากโรคที่ซับซ้อน รวมทั้งค่ายามีโอกาสที่จะปรับขึ้น เนื่องจากค่ายาจะมีการปรับขึ้นประมาณ 2% ในทุกต้นปีอยู่แล้ว
พร้อมคาดการณ์กำไรปกติปีนี้(2552)ไว้ที่ 1,313 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว(2551)ที่มีกำไรปกติอยู่ที่ 1,160 ล้านบาท ส่วนปีหน้า(2553)คาดว่ากำไรปกติจะอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า ได้แนะ"ซื้อ"หุ้น BH เนื่องจากในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้(2552)ถือว่าเป็นช่วง High Season ของทั้งผู้ป่วยในประเทศและต่างประเทศ โดยมองว่าผู้ป่วยต่างชาติน่าจะเริ่มไหลเข้ามาทำการรักษาในประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากไทยมีต้นทุนในการรักษาพยาบาลที่ต่ำกว่าประเทศอื่น อีกทั้งในแง่ของการให้บริการ BH ก็เป็นที่ยอมรับ
"ปีที่แล้ว(2551)สถานการณ์การเมืองไม่ดี ส่งผลกระทบต่อการเดินทางของผู้ป่วยต่างชาติ ทำให้มีการชะลอการเดินทางเข้ามารักษาพยาบาลในไทย แต่ตอนนี้สถานการณ์การเมืองเริ่มที่จะดีขึ้น และการท่องเที่ยวก็เริ่มกลับมา ประกอบกับเศรษฐกิจทั่วโลกกำลังฟื้นตัว ทำให้ผู้ป่วยต่างชาติ และนักท่องเที่ยวต่างก็มีความมั่นใจในการเดินทางมากขึ้น"นักวิเคราะห์ฯ เอเชีย พลัส กล่าว
พร้อมคาดการณ์กำไรปกติของปีนี้(2552)ไว้ที่ 1,181 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ส่วนปีหน้า(2553)คาดว่ากำไรปกติจะอยู่ที่ 1,254 ล้านบาท
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า แม้ผลการดำเนินงานในปีนี้ของ BH จะไม่โดดเด่น แต่ในแง่ของการบริหารต้นทุนทำได้ดีมาก และช่วงครึ่งหลังปีนี้(2552)ก็จัดได้ว่าเป็นช่วง High Season ของโรงพยาบาล อีกทั้งหุ้น BH เป็นหุ้นโรงพยาบาลที่จัดอยู่ในกลุ่มหุ้น defensive ตลาดฯจะให้ความสนใจด้วย
ทั้งนี้ ได้คาดการณ์กำไรปกติปีนี้ไว้ที่ 1,178 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไรปกติอยู่ที่ 1,160 ล้านบาท และปีหน้า(2553)กำไรปกติคาดว่าจะมี 1,200 ล้านบาท