GLOW คาดโครงการที่กำลังสร้างไม่เข้าข่ายศาลสั่ง แต่เสี่ยงรับรู้รายได้ล่าช้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 30, 2009 16:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุทธิวงศ์ คงสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการเงิน บมจ.โกลว์พลังงาน (GLOW) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" ว่า ณ วันนี้บริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบจากการที่ศาลปกครองสั่งระงับ 76 โครงการในมาบตาพุด เพราะบริษัทยังไม่ได้รับคำสั่งจากหน่วยงานรัฐให้มีการหยุดดดำเนินการก่อสร้างซึ่ง หน่วยงานราชการเขาต้องพิจารณาก่อนว่า โครงการของบริษัททั้ง 3 โครงการที่กำลังก่อสร้างในมาบตาพุด ว่าเข้าข่ายตามที่ศาลสั่ง ว่าเป็น 1 ใน 76 โครงการ หรือไม่

"เรามองว่า เราไม่เข้าข่าย แต่ถ้ามีคำสั่งอย่างไรเราก็ทำตาม อย่างไรก็ดีขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งออกมา บริษัทก็ดำเนินการก่อสร้างต่อไปตามปกติอยู่ " รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการเงิน GLOW กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

ทั้ง 3 โครงการที่ GLOW ดำเนินการก่อสร้างในมาบตาพุด ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังถ่านหิน ขนาด 115 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสร้างเสร็จในเดือนธ.ค.นี้ โดยมี บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) และ บมจ.วินีไทย (VNT) เป็นลูกค้าของโรงไฟฟ้านี้ ,โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซ 382 เมกะวัตต์ กำหนดสร้างเสร็จ พ.ย. 54 มีแนวโน้มล่าช้าเพราะมีลูกค้าหลายรายอยู่ในรายชื่อ 76 โครงการ

ส่วนโรงไฟฟ้า IPP ภายใต้ เก็คโค่-วันซึ่งร่วมทุนกับบมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน(HEMRAJ) ที่เป็นโรงไฟฟ้าถ่านหิน 660 เมกะวัตต์ บริษัทค่อนข้างมีความเสี่ยงน้อยที่สุด เพราะว่า ลักษณะเหมือนเรารับจ้างให้กับการไฟฟ้าฝ่ายการผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เพราะโครงการ IPP เป็นความเสี่ยงของ กฟผ.มากกกว่า ยริษัทจึงไม่ได้รับผลกระทบ เพราะหลักเกณฑ์สัญญา ว่าถ้ามีเหตุการณ์ใดที่ทำให้โครงการล่าช้า หรือทำให้มีผลเสียหายต่อตัวธุรกิจ ทางรัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบ

นายสุทธิวงศ์ กล่าวว่า บริษัทยังไม่ได้ประเมินการรับรู้รายได้ของปีหน้า แต่มีแนวโน้มจะเกิดความล่าช้าของโครงการ อย่างไรก็ดี ก็ต้องติดตามเหตุกาณณ์ดูค่อนข้างวันต่อวัน บริษัทคงไม่มีอยู่นิ่งเฉย ให้ถูกหยุดดำเนินงาน ก็ต้องไปเรียกร้องตามสิทธิกฎหมาย เพราะที่ผ่านมาบริษัทก็ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เราทำตามหลักเกณฑ์ทุกอย่าง

แนวทางของเราจะทำตามกฎหมายที่มีในปัจจุบัน ถ้าหน่วยงานภาครัฐสั่งให้หยุดก็ต้องทำตาม แต่ก็ดูแล้วถ้าไม่มีเหตุผลเราก็ต้องเรียกร้องความเสียหาย เพราะที่ผ่านมาเราทำตามกฎหมาย เพราะถ้าถูกสั่งให้หยุดดำเนินโครงการเราก็ต้องหยุด แตถ้ายังไม่มีคำสั่งหยุดอย่างเป็นทางการ ก็ควรต้องทำต่อไป

"ความเป็นไปได้มีความเสี่ยง แต่ว่า ณ เวลานี้มีผลกระทบอะไร ยังไม่สามารถพูดได้ เพราะ ณ วันนี้ ทุกอย่างยังเป็นปกติอยู่ งานก่อสร้างต่างๆก็ยังเดินหน้าตามปกติอยู่" นายสุทธิวงศ์กล่าว

อย่างไรก็ตาม มองว่าบริษัทมีโอกาสได้รับผลกระทบจากความล่าช้าของโครงการในการเริ่มการดำเนินการ จากเดิมที่มองว่าสิ้นปีนี้จะสร้างเสร็จและรับรู้รายได้ต้นปีหน้า แต่อาจจะดำเนินการไม่ได้ เนื่องจากรัฐบาลอาจจะยังไม่ออกใบอนุญาต หรือ ลูกค้าของบริษัทยังไม่สามารถดำเนินการได้เพราะรัฐบาลยังไม่ออกใบอนุญาต ซึ่งเป็นไปตามศาลปกครองสั่งระงับโครงการการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ขณะที่ไม่มีผลกระทบต่อผลประกอบการในปี 52 ที่กำไรสุทธิมีโอกาสสูงถึง 4 พันล้านบาท

"ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ มาจากหน่วยงานราชการที่จะออกใบอนุญาตต่างๆ ถ้าให้รอเฉยๆโดยไม่มีเหตุผล ถ้าถึงจุดหนึ่งแล้วถ้าเราไม่สามารถรอได้ เราก็ต้องดำเนินเรื่องตามกฎหมาย จะตามมาด้วยความล่าช้าของโครงการ และ ความล่าช้าในการรับรู้รายได้ โอกาสที่จะรับรู้ได้เร็ว ซึ่งจากแผนเดิมว่าโรงไฟฟ้าเสร็จปลายปีนี้ก็รับรู้รายได้ในต้นปี 53 ได้ แม้ว่ารายได้ไม่ได้หดหายไป เพียงแต่เลื่อนการับรู้ออกไป มองความสูญเสียโอกาสการัรบรู้รายได้ แต่ในปีนี้ในแง่ผลประกอบการไม่มีผลปีนี้" นายสุทธิวงศ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ณ วันนี้บริษัทยังมองว่าโครงการโรงไฟฟ้าพลังถ่านหิน ขนาด 115 เมกะวัตต์ เป็นแผนเดิมอยู่ ว่าจะสร้างเสร็จปีนี้ก็จะสามารถขายไฟฟ้าได้ทันทีในต้นปี 53 แต่เมื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้ใบอนุญาต ให้เริ่มดำเนินการ หรือลูกค้าเรายังไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการ ก็จะทำให้เกิดความล่าช้าเกิดขึ้นได้



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ