นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซียพลัส (ASP) และนายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า หลังศาลฯสั่งระงับโครงการในมาบตาพุด เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อเม็ดเงินลงทุนใหม่ ซึ่งไม่รวมกับเม็ดเงินที่เสียหายใน 76 โครงการแล้ว ซึ่งเม็ดเงินใหม่ที่คิดจะเข้ามาลงทุนก็จะไม่มา และมีความเป็นไปได้ที่เม็ดเงินพวกนี้จะหนีไปลงทุนประเทศเพื่อนบ้านแทน
ขณะเดียวกัน ผลกระทบดังกล่าวก็จะส่งผลต่อเม็ดเงินการลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่จะเห็นการทยอยลดลงตามไปด้วยซึ่งเห็นได้จากนักวิเคราะห์หลายบริษัทได้มีการปรับประมาณการบริษัทในเครือ PTT ลดลง ซึ่งกลุ่ม PTT ถือว่ามีน้ำหนักในตลาดหุ้นไทย
ดังนั้นรัฐบาลควรที่จะหาวิธีในการแก้ไขอย่างเร่งด่วนไม่เช่นนั้นจะทำให้ไทยเสียโอกาส
"กรณีที่เกิดขึ้นที่มาบตาพุดเป็นเรื่องที่สร้างสัญญาณที่ไม่ดี ทั้งๆ ที่รมว.ทางเศรษฐกิจพยายามชักชวนและหาวิธีการในการดึงนักลงทุนกลับมา ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าควรที่จะหาทางออกอย่างเร่งด่วนไม่เช่นนั้นต่อไปไทยอาจจะไม่มีความสำคัญกับประเทศแถบอาเซียน และอาจต้องไปแข่งขันกับประเทศเล็ก อย่างพม่า ลาว แทน ปัญหาที่เกิดขึ้นถือว่า น่าเป็นห่วง คนไทยต้องพยายามช่วยกันหาทางออก ทำอย่างไรให้กับมาสู่ปกติ" นายก้องเกียรติ กล่าว
ทั้งนี้ มองว่าประเทศไทยควรที่จะมีมาตรการในการดึงนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนมากกว่านี้ เพราะปัจจุบันจะเห็นได้ว่าประเทศเพื่อนบ้านมีความเข้มแข็งมกาขึ้น เช่น มาเลเซีย ที่มีการยกเว้นภาษี 10% และมีการจัดโซนนิ่งเพื่อดึงนักลงทุนต่างชาติได้ไม่จำกัด