นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า หลังจากที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดรวม 76 โครงการ อาจจะส่งผลกระทบต่อโครงการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐานยูโร 4 ล่าช้าออกไปจากแผน และคงไม่ทันกำหนดของภาครัฐบาลที่จะให้ใช้มาตรฐานในเดือน ม.ค.55
ขณะที่นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน PTT กล่าวว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นรวมไปถึงแผนควบรวมกิจการของกลุ่มโรงกลั่นในเครือ PTT ที่อาจจะต้องใช้เวลาศึกษาเพิ่มเติม เนื่องจากมีปัจจัยเรื่องนี้มากระทบ จากเดิมที่คาดว่าจะเสร็จในเดือน พ.ย.นี้ และหลังจากผลการศึกษาเสร็จคาดว่าจะใช้เวลา 4-6 เดือนจึงจะแล้วเสร็จ ก็คงต้องล่าช้าออกไป
อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อโครงการโรงแยกก๊าซแห่งที่ 6 เนื่องจากจะต้องล่าช้าออกไปจากเดิมที่คาดว่าจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ต้นปีหน้า หากหยุดก็จะไม่เป็นไปตามแผน และที่สำคัญโรงแครกเกอร์ขนาด 1 ล้านตันของ บมจ.ปตท.เคมิคอล(PTTCH) จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบจากโรงแยกก๊าซแห่งที่ 6 ก็ต้องล่าช้าตามไปด้วย
นายเทวินทร์ กล่าวต่ออีกว่า คำสั่งนี้อาจจะกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม เนื่องจากโครงการที่อยู่ในมาบตาพุดใช้เงินลงทุนจำนวนมาก เฉพาะในส่วนของ PTT จำนวน 25 โครงการ มูลค่าลงทุน 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งบริษัทลูกส่วนใหญ่ก็ใช้เงินจาก Project Finance ถ้าโครงการล่าช้าก็จะส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงิน รวมถึงผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการเหล่านี้ก็ได้รับผลกระทบด้วย