นายสัญชัย เนื่องสิทธิ์ รองประธานกรรมการ บมจ.บิวเดอสมาร์ท (BSM) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ที่ 500 ล้านบาท ถึงแม้ครึ่งปีแรกจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจทำให้รายได้อยู่ที่ 185 ล้านบาท แต่เชื่อว่า จากมาตรการการกระตุ้นของภาครัฐ เช่นโครงการไทยเข้มแข็ง และการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจจะผลักดันให้รายได้ในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มสูงขึ้นกว่าครึ่งปีแรก และรายได้ไตรมาส 3/52 จะเริ่มเห็นว่าดีขึ้น
นอกจากนี้ในไตรมาส 4/52 บริษัทจะเน้นการประชาสัมพันธ์สินค้าเพิ่มมากขึ้น และการผลิตสินค้า ฝ้าเพดาน ภายใต้แบรนด์ของบริษัทจากก่อนหน้าที่รับจ้างผลิตให้รายอื่น
"ตอนนี้ผมมองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจ เริ่มกลับมาดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา เริ่มมีสัญญาณการปรับปรุงสำนักงาน ออฟฟิศเพิ่มขึ้น และการที่เราหันมาผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ตัวเอง ก็น่าจะทำให้รายได้ปีนี้ เป็นไปตามที่เราวางไว้ได้" นายสัญชัย กล่าว
ในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 100% จากปีก่อนที่มีกำไร 2.5 ล้านบาท และมั่นใจว่า จะสามารถจ่ายเงินปันผลได้มากกว่าปีก่อน เนื่องจากบริษัทไม่ต้องรับรู้การเผื่อค่าหนี้สูญ และได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีหลังเข้าตลาด mai เหลือ 20% จาก 30% รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนขายแบรนด์ตัวเองมากขึ้น
นายสัญชัย กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังเริ่มมีสัญญาณดีขึ้น ซึ่งเห็นได้จากโครงการต่างๆ ที่ได้มีการเปิดให้เสนอราคาโดยบริษัทได้เข้าเสนอ 20 โครงการ มูลค่ารวม 80 ล้านบาท โดยขณะนี้ บริษัทได้แล้ว 5 โครงการมูลค่า 10 ล้านบาท ซึ่งทยอยรับรู้รายได้ 50% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานออฟฟิศ ธนาคาร ปรับปรุงอาคารสำนักงาน
ขณะเดียวกันบริษัทได้หันเข้ามาในการรับงานภาครัฐมากขึ้นหลังจากภาครัฐมีมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินมากขึ้น จะทำให้ในปีนี้ มีสัดส่วนกับภาครัฐ 1-2% จากที่ไม่เคยรับงานภาครัฐ
*ปี 53 รายได้โต 20%
นายสัญชัย กล่าวว่า บริษัทได้ตั้งเป้าในปี 53 มีรายได้เติบโต 20% จากปีนี้และใน 3 ปีข้างหน้าคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท โดยจะมาจากการที่บริษัทออกผลิตภัณฑ์ใหม่ การขยายตลาด และการรับติดตั้งงานที่เพิ่มขึ้น
ในส่วนกำไรสุทธิ บริษัทคาดว่าจะมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่บริษัทหันกลับมาผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ตัวเองมากขึ้น ซึ่งทำให้มีมาร์จิ้นสูงถึง 20-40% จากที่รับจ้างผลิตได้มาร์จิ้นประมาณ 10% โดยปัจจุบันยอดขายสินค้าแบรนด์ของบริษัทมีสัดส่วน 40% และ รับจ้างผลิต 60% และปีหน้าจะปรับเพิ่มสัดส่วนขายแบรนด์ตัวเองเป็น 50%
ทั้งนี้ ในปีหน้า บริษัทมีแผนในการสต็อกวัตถุดิบมากขึ้นจากปีนี้ที่ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในเครื่องจักร ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนในปีหน้ามากกว่าปีนี้ที่บริษัทได้นำเงินขายหุ้น IPO จำนวน 50 ล้านบาท ส่วนเงินลงทุนในปีหน้าบริษัทได้ขอวงเงินกู้จากธนาคารราว 150 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถต่อยอดขายและกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้น
ส่วนการลงทุนในต่างประเทศ ได้แก่ ในเวียดนาม บริษัทได้มีการปรับแผนในการรับตบแต่งภายในที่อยู่อาศัยมากขึ้นจากเดิมเน้นกลุ่มอาคารสำนักงาน ถึงแม้ว่า ระยะเวลาในการทำงานนานกว่า แต่ในเวียดนามมีความต้องการที่อยู่อาศัยมาก โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างรอผลการรับงานในเวียดนาม 2 โครงการ เป็นคอนโดมิเนียม และ สนามบิน ซี่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีหน้า
ขณะที่แผนเข้าร่วมทุนกับ APL ซึ่งเป็นบริษัทผลิตไม้แปรรูปจากนิวซีแลนด์นั้น นายสัญชัย คาดว่าจะเลื่อนการเจรจาไปเป็นปีหน้า จากเดิมที่คาดไว้จะสรุปในปีนี้ เนื่องจากติดปัญหาเล็กน้อย โดยเบื้องต้นจะจัดตั้งบริษัทใหม่ โดยถือหุ้นฝ่ายละ 50% ซึ่งหากสำเร็จจะทำให้บริษัทสามารถขยายตลาดได้ และลดต้นทุน