นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ได้ปรับตัวขึ้นมามากเกือบ 100% หากดัชนีถึง 760 จุด หรือขึ้นมา 100% เชื่อว่าดัชนีจะมีการพักฐานการลงทุนโดยดัชนีจะปรับลดประมาณ 50-80 จุด ซึ่งนักลงทุนต้องระมัดระวังการลงทุนเน้นลงทุนในหุ้นที่ราคายังไม่ปรับเพิ่มสูงมากนัก หรือหุ้นที่มีการจ่ายปันผลดี เช่น หุ้นโรงไฟฟ้า น้ำประปา
“เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วจากไตรมาส 1/52 เข้าสู่การฟื้นตัว จะเห็นได้จากตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างปรับตัวดีขึ้น แต่ตลาดหุ้นได้ปรับเพิ่มขึ้นไปก่อนหน้าค่อนข้างมากนักลงทุนจึงต้องระมัดระวังการลงทุน เพราะหากดัชนีขึ้นไป 760 จุด อาจมีการพักฐานถึง 50-80 จุด"
ส่วนปัญหามาบตาพุดน่าจะส่งผลกระทบต่อหุ้นในอุตสาหกรรม ซึ่งคาดว่าจะมีคำสั่งให้หยุดเดินเครื่องประมาณ 3 เดือน โดยจะส่งผลกระทบต่อเม็ดเงินลงทุน
ด้านนายสะอาด ธีรโรจนวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจต่างๆกลับมาดีขึ้น ซึ่งมากกว่าเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยเห็นว่าเศรษฐกิจเริ้มฟื้นตัวหลังจากผ่านจุดต่ำมาแล้ว ทั้งนี้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มดีขึ้น
ส่วนอัตราดอกเบี้ยยังคงทรงตัวจนถึง ไตรมาส 1 ถึงไตรมาส 2 ปี 2553 จึงจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะทั่วโลกยังคงอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากต้องรอดูภาคการบริโภคว่ามีการปรับตัวชัดเจนหรือไม่เพราะต้องรอมาตรการภาครัฐของรัฐบาลทั้งในประเทศและต่างประเทศ จะเห็นผลที่ชัดเจนในระยะกลาง ระยะยาว นอกจากนี้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าเพิ่มขึ้นอาจจะได้เห็นระดับ 33 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐ เพราะดุลการค้าเริ่มเป็นบวกและยังมีเม็ดเงินไหลเข้าจากต่างประเทศต่อเนื่อง ซึ่งปลายปีคาดดัชนีจะเห็นที่ 800 จุด เนื่องจากยังมีเม็ดเงินลงทุนที่ต้องการหาแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยให้ความสนใจตลาดเอเชีย และไทยก็ยังเป็นเป้าหมายการลงทุน รวมทั้ง ปลายปีจะมีกองทุนRMF LTF ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นอีก
นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บลจ.บัวหลวง กล่าวว่า การเมืองยังเป็นปัจจัยที่น่ากังวลสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยมองว่าเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วแต่มองว่ายังมีเม็ดเงินไหลเข้าแม้หุ้นปรับตัวมาสูงกว่าปัจจัยพื้นฐาน โดยเห็นว่ามีเงินอีก 1 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐรอการลงทุน
“การเมืองแม้ยังไม่แน่นอน แต่คงไม่ถึงกับยุบสภา คงต้องรอมั่นใจก่อนว่าหากยุบสภาจะได้กลับมาเป็นสียงข้างมาก อย่างเร็วก็กลางปีหน้า ตลาดหุ้นจก็กังวลบ้างแต่เริ่มชาชิน ซึ่งบลจ.บัวหลวง ยังมองจังหวะลงทุน มีเม็ดเงินอีก 1 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐที่ต้องการหาแหล่งลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทน"