บมจ.มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ (MILL) ปรับเป้ารายได้52 เพิ่ม5-10% ดันทั้งปีทะลุ 1 หมื่นล้านบาท จากเดิมคาดเติบโตใกล้เคียงปีก่อนที่ 9,400 ล้านบาท รับอานิสงส์ส่งเหล็กให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง แถมอุตสาหกรรมเหล็กฟื้นตัว และออเดอร์ล่วงหน้าทะลักกว่า 1 แสนตัน ระบุในอนาคตแนวโน้มราคาเหล็กยังเป็นขาขึ้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
นายธิติพงศ์ ตั้งพูนผลวิวัฒน์ กรรมการบริหาร MILL เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมปรับเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นอีก5- 10% จากช่วงต้นปีที่ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตใกล้เคียงปีก่อนที่ 9,400 ล้านบาท ดังนั้นน่าจะส่งผลให้รายได้รวมปีนี้ทะลุ 10,000 ล้านบาทได้ ทั้งนี้เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการที่บริษัทได้เซ็นสัญญาจำหน่ายเหล็กผ่านซัพพลายเออร์ เพื่อจัดส่งเหล็กให้กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง มีส่วนประกอบที่เป็นเหล็กประมาณ 30% หรือประมาณ 1.5 แสนตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3 พันล้านบาท จึงถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะเป็นสินค้าที่บริษัทจำหน่ายอยู่
นอกจากนั้นในไตรมาสเดียวกันนี้บริษัทฯยังมีคำสั่งซื้อ (Order) ล่วงหน้าประมาณ 1-1.2 แสนตันรองรับ ประกอบกับอุตสาหกรรมเหล็กมีทิศทางที่ดีขึ้น จากการฟื้นตัวของความต้องการใช้สินค้าทั่วโลก โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย
"ช่วงต้นปีบริษัทได้ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้อย่างระมัดระวัง โดยมีการบริหารความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา ...โดยช่วงไตรมาส 3-4/52 ภาพรวมของบริษัทจะดีต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกก็มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 4,500 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยบวกต่างๆ ที่กล่าวมานั้น ทำให้ประเมินทิศทางผลประกอบการปีนี้ว่าจะเติบโตมากกว่าเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ใกล้เคียงปีก่อนที่ 9,400 ล้านบาท โดยมองว่ารายได้น่าจะทะลุ 10,000 ล้านบาทได้"นายธิติพงศ์ กล่าว
ที่ผ่านมามิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ มักจะได้รับคำสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้าเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งในโครงการขนาดใหญ่ เนื่องจากบริษัทมีจุดเด่นที่คุณภาพของสินค้า การจัดส่งตรงตามเวลา สินค้ามีเพียงพอรองรับกับความต้องการของลูกค้า และประการสำคัญมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้ามายาวนาน ประกอบกับมีคู่แข่งด้านเหล็กที่มีคุณภาพสูงค่อนข้างน้อยราย จึงทำให้มีข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่ง ซึ่งเชื่อว่าหากโครงการรถไฟฟ้ามีความต้องการใช้เหล็กเพิ่มขึ้น ก็มั่นใจว่า ด้วยคุณภาพและกำลังการผลิตของบริษัทที่เป็นที่ยอมรับ จะทำให้บริษัท ยังจะได้จัดส่งเหล็กในล็อตต่อไปอีก
นายธิติพงศ์ กล่าวต่อถึง แนวโน้มราคาเหล็ก ช่วงไตรมาส 4/52 ว่า น่าจะทรงตัวหรือปรับเพิ่มขึ้นได้ จากความต้องการที่ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ส่งผลทำให้ความต้องการใช้เหล็กมีเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงน่าจะผลักดันให้ราคาเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งปัจจุบันราคาเหล็กเส้นเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 21 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วง 2 เดือนก่อน 5-10% และมีแนวโน้มปรับขึ้นได้อีกในอนาคต
สำหรับความคืบหน้าในการจำหน่ายตราสาร Taiwan Depositary Receipt (TDR) จำนวนไม่เกิน 100,000,000 หุ้น ของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือคิดเป็น 17.45% ของทุนที่ชำระแล้ว ของบริษัท ผู้บริหารบริษัท ประกอบด้วย นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหาร MILL และนายธิติพงศ์ ตั้งพูนผลวิวัฒน์ กรรมการบริหาร อยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไต้หวัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันได้ภายในสิ้นปีนี้
"จากการที่ได้พูดคุยกับที่ปรึกษาทางการเงินและโบรกเกอร์ที่ไต้หวัน พบว่านักลงทุนที่นั่นตื่นเต้นกันมากกับ TDR ของบริษัท เนื่องจากเป็นบริษัทจดทะเบียนรายแรกที่ไม่ใช่สัญชาติไต้หวัน เชื่อว่านักลงทุนที่ไต้หวันมองเห็นศักยภาพของบริษัท และต้องการจะเติบไปพร้อมๆ กับเรา และจากการสอบถามพบว่านักลงทุนสนใจค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเรื่องของราคา และศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ จึงค่อนข้างมั่นใจว่ายอดจองซื้อ TDR ของบริษัทน่าจะล้นอย่างแน่นอน" นายธิติพงศ์กล่าว