นางสาวกันยามาส มาลีถาวรกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บมจ. 124 คอมมิวนิเคชั่นส (PR124) เปิดเผยว่า แม้ว่าศาลแพ่งตัดสินให้กรมประชาสัมพันธ์ชำระเงิน 23.66 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปีนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นแก่บริษัท แต่เงินจำนวนดังกล่าวบริษัทอาจจะยังไม่ได้รับชำระทันที เนื่องจากเป็นเพียงคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ซึ่งต้องรอดูว่าทางกรมประชาสัมพันธ์จะยื่นอุทธรณ์หรือไม่
"ทางกรมประชาสัมพันธ์ยังมีเวลาที่จะอุทธรณ์ เพราะนี่เพิ่งเป็นคำสั่งศาลชั้นต้น ซึ่งเราก็ยังไม่ว่ารู้ว่าเค้าจะอุทธรณ์หรือเปล่า ประมาณ 1-2 เดือนเราถึงจะรู้ จริงๆ อาจจะประมาณเดือนนึง แต่เค้าอาจจะขอเลื่อนนู่นเลื่อนนี่ ซึ่งเราก็คงได้แต่รอ"นางสาวกันยามาส กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นางสาวกันยามาส กล่าวว่า มีเปอร์เซ็นต์ค่อนข้างสูงที่กรมประชาสัมพันธ์จะอุทธรณ์ แต่บริษัทก็ยังมีความหวังเล็กๆ ว่ากรมประชาสัมพันธ์จะไม่อุทธรณ์ เพราะศาลตัดสินให้จ่ายแค่ 23 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอีกประมาณล้านกว่าบาท
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้กรมประชาสัมพันธ์จะไม่อุทธรณ์ แต่เชื่อว่ากระบวนการจ่ายเงินจริงคงจะเกิดขึ้นในปีหน้า ไม่ทันการบันทึกเป็นรายได้เข้ามาในงบการเงินปีนี้
"ถ้าอุทธรณ์ก็ยาวออกไปอีก แต่ถ้าไม่อุทธรณ์กว่าจะจ่ายเงินรับเงินจริงๆ ก็น่าจะปีหน้า และหากกรมประชาสัมพันธ์สามารถชำระได้หมดทั้งก้อนพร้อมดอกเบี้ยอีกประมาณล้านกว่า"นางสาวกันยามาส กล่าว
*คาดวอร์แรนต์เข้าเทรด ธ.ค.นี้ หลังผู้ถือหุ้นเห็นชอบแล้ว
นางสาวกันยามาส ยังคาดว่า ใบสำคัญแสดงสิทธิ์จะสามารถเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ประมาณเดือน ธ.ค.52 ส่วนเงินที่ได้จากการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 22.5 ล้านบาทนั้น บริษัทมีแผนจะนำไปใช้ขยายงานเพิ่มเติมเพื่อต่อยอดธุรกิจ
PR124 จัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมาเพื่ออนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นสามัญจาก 1.00 บาทต่อหุ้น เป็น 0.10 บาทต่อหุ้น ซึ่งจะเป็นการแตกหุ้นสามัญของบริษัทจาก 45,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1.00 บาทต่อหุ้น เป็น 450,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.10 บาทต่อหุ้น
พร้อมทั้งอนุมัติให้บริษัทออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ 1 จำนวน 225,000,000 หน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทในอัตราส่วนหุ้นสามัญเดิม 2 หุ้นต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย ในราคาเสนอขายที่ 0 บาท โดยมีราคาใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิเท่ากับ 0.20 บาทต่อหุ้น ที่มูลค่าที่ตราไว้ 0.10 บาทต่อ และอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 22,500,000 บาทเพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ 1