บมจ.โรงพยาบาลไทยศรีนครินทร์(TNH)ยอมรับภาวะเศรษฐกิจและการเมืองฉุดให้การเติบโตของธุรกิจต่ำลง ตั้งเป้ารายได้งวดปี 53(สิ้นสุด ก.ค.)เติบโต 5-8% ลดลงจากปีก่อนที่มีอัตราเติบโต 14% มาที่ 1.14 พันล้านบาท เนื่องจากยังไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจจะฟื้นตัว ประกอบกับปัจจัยการเมืองยังไม่นิ่ง งัดกลยุทธ์ราคาเหมาจ่ายเสนอให้กับลูกค้าต่อเนื่องจากปีก่อน เจาะกลุ่มประกันสุขภาพ ขณะเดียวกัน บริษัทปรับปรุงสถานที่ภายในโรงพยาบาลเพื่อให้มีพื้นที่รองรับผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น
นางอำไพ พยัคคง ผู้อำนวยการบริหาร TNH กล่าวว่า สิ่งที่น่ากังวลทำให้กิจการโรงพยาบาลเติบโตช้าในปีนี้มาจากสภาพเศรษฐกิจ การใช้จ่ายของผู้บริโภคมีความระมัดระวังมากขึ้น แต่เนื่องจากการเจ็บป่วยเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ป่วยยังจำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อรักษาพยาบาล ดังนั้น โรงพยาบาลก็ยังคงใช้กลยุทธ์แพ็คเกจราคาเหมาจ่ายเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน เพราะลูกค้าก็ต้องการหาอะไรที่ย่อมเยา ซึ่งคิดว่าใช้ได้ดี และโรงพยาบาลส่วนใหญ่ก็ใช้กลยุทธ์ด้านราคา
"ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเรื่องที่เราต้องพยายามหาหนทางที่จะทำให้มีความเป็นไปได้ ตามที่วางแผนไว้ เพราะแม้ภาวะเศรษฐกิจภาวะการเมืองไม่ค่อยดี การดำเนินการของโรงพยาบาลหลายแห่งก็เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับสภาพแต่ละแห่ง โดยสภาพทั่วไปของโรงพยาบาลต่างๆ ก็จะอยู่ในเกณฑ์เติบโต 5-8% เราก็คงอยู่เกาะกลุ่ม เราเองก็จะพยายามทำให้ได้" นางอำไพ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ในงวดปี 52(ส.ค.51-ก.ค.52)รายได้ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ เติบโต 14% เนื่องจากกลุ่มผู้ป่วยโรคเฉพาะทางเข้ารับการรักษาตัวมากขึ้น นอกจากนี้ สถานการณ์ไข้หวัด 2009 ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 52 ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นจากสภาวะปกติ ส่วนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 48% เป็น 176.50 ล้านบาท
ทั้งนี้ TNH ไม่ได้รับคนไข้ที่ใช้สิทธิจากรัฐ 30 บาทและประกันสังคม แต่โรงพยาบาลมองกลุ่มกำลังซื้อที่ทำประกันสุขภาพ ซึ่งเป็นกลุ่มที่โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งก็พิจารณากลุ่มนี้เป็นพิเศษ เพราะเป็นทางเลือกที่สำคัญ จึงทำให้กิจการโรงพยาบาลไม่ได้ทรุดตัว และยังเติบโตได้ต่อเนื่อง
ในงวดปีที่ผ่านมา สัดส่วนผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกมีสัดส่วน 50/50 โดยปัจจุบันมีผู้ป่วยใน 100 กว่าเตียง หรือ ประมาณ 50-60% ของจำนวนเตียงทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 200 เตียง
ส่วนลูกค้าต่างประเทศของ TNH มีสัดส่วน 5% ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทย ขณะเดียวกันโรงพยาบาลยังไม่พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้าต่างชาติและภาวะเศรษฐกิจไม่ดี รวมทั้งภาวะการเมืองไม่นิ่งทำให้คนต่างชาติมีความกังวลในการเข้ามาทำงานในไทย
*ลงทุน 30-40 ลบ.ปรับปรุงพื้นที่-เดินหน้าเปิดคลีนิคสมองปี 53
ผู้อำนวยการบริหาร TNH กล่าวว่า ในปีนี้โรงพยาบาลจะใช้เงินลงทุนประมาณ 30-40 ล้านบาทในการปรับปรุงสถานที่ เช่น คลีนิคต่างๆ แผนกกายภาพ ศูนย์หัวใจ แผนกตรวจสุขภาพ แผนกอายุรกรรม รวม ICU, CCU เพื่อขยายพื้นที่ทำให้ดูสะดวกสบาย ทันสมัยขึ้น รวมถึงการขยายพื้นที่บริการ อย่างแผนตรวจสุขภาพเดิมพื้นที่คับแคบ ก็จะปรับปรุงให้เป็น One Stop Service เหล่านี้โครงการจะต่อเนื่องไปถึงสิ้นปีหน้า ทั้งนี้ แหล่งเงินมาจากกระแสเงินสดของบริษัท
"การปรับปรุงสถานที่เราต้องการให้ผู้ป่วยมีความสะดวกคล่องตัวดียิ่งขึ้น มีส่วนสนับสนุนความเชื่อมั่น การให้บริการดียิ่งขึ้น ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ทยอยปรับปรุงสถานที่มาตั้งแต่ปี 48"นางอำไพ กล่าว
สำหรับแผนเปิดคลีนิคสมองยังอยู่ในแผนปีนี้(53) โดยจะใช้สถานที่ปรับปรุง ส่วนเรื่องการซื้อเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ เพิ่มเติมตรงนี้ยังไม่ได้มีการพิจารณากัน
อย่างไรก็ตาม นางอำไพ ย้ำว่า อุปกรณ์หรือเครื่องมือแพทย์ใดที่จำเป็นต่อการรักษาพยาบาล โรงพยาบาลก็จะรีบดำเนินการในการจัดหาอุปกรณ์ เหล่านี้เพื่อทำการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยกับผู้ป่วย เพราะเรื่องนี้เราพิจารณาอยู่ตลอดเวลาว่าสิ่งใดที่จำเป็นในการที่ต้องใช้ในการรักษาเราก็ซื้ออยู่ตลอดเวลา
"เรามีแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านสมองมานานแล้ว แต่การแยกเป็นคลีนิคเฉพาะ เราก็ยังมีโครงการอยู่แต่เนื่องจากการปรับปรุงพื้นที่ที่ทำต่อเนื่องมาจนถึงปีหน้า แต่คาดว่าจะทำเป็นคลีนิคที่แยกออกมา ซึ่งก็ต้องมีการลงทุนอุปกรณ์การแพทย์ด้วย ตรงนี้ก็อยู่ที่ว่านโยบายตรงนี้จะไปถึงไหนจะใช้มากน้อยเพียงไร แต่ถ้าจะแยกคลีนิคออกมาเราก็ยังมีโครงการยังอยู่ในแผนภายในปี 53 เพราะติดที่สถานที่ไม่สะดวกในการปรับปรุงสถานที่ จึงต้องใช้เวลาพอสมควร ตอนนี้รวมไปอยู่แผนกอายุรกรรม"นายอำไพ กล่าว
ที่ผ่านมา TNH ได้เปิดศูนย์รักษาเฉพาะทาง ได้แก่ ศูนย์หัวใจ ศูนย์มะเร็ง และ ศูนย์กระดูกและข้อ
*โบรกฯคงแนะ"ซื้อ"โดดเด่นด้านศูนย์เฉพาะโรค
สถาบันนครหลวงไทย(SCRI) ระบุว่า TNH ประสบความสำเร็จจากกลยุทธ์การสร้างจุดแข็งในการพัฒนาโรงพยาบาลให้เป็นศูนย์การแพทย์เฉพาะทางได้สร้างความเชื่อถือให้แก่ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุมชนบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ การปรับปรุงและพัฒนาโรงพยาบาลอย่างสม่ำเสมอ ทำให้โรงพยาบาลมีความพร้อมรองรับความต้องการเข้ารักษาตัวของผู้ป่วยปรับตัวเพิ่มขึ้น ดังเห็นได้จากการรองรับแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ที่มีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ปัจจัยดังกล่าว ทำให้จำนวนผู้ป่วยที่เข้ามารักษาตัวช่วงปีที่ผ่านมาเติบโตสูงขึ้น 4% yoy และหนุนให้ TNH มีกำไรสุทธิสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 177 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงปี 2553 SCRI ประเมินการยกระดับความใส่ใจในสุขภาพของคนไทยจากการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่คาดจะกลับมาระบาดอีกครั้งในช่วงปลายปี 52 ประกอบกับความพร้อมในการรองรับผู้ป่วยทั้งในส่วนของ IPD-OPD จะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ TNH พร้อมเผชิญความท้าทายในการสร้างกำไรให้สูงเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในปี 53
ดังนั้น SCRI ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมีราคาเหมาะสมปี 53 เท่ากับ 11 บาท/หุ้น