นายสมบูรณ์ วศินชัชวาล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายบัญชีและการเงิน บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท(PS)เปิดเผย กับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทศึกษาการเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซียเพิ่มเติมอีก 1 ประเทศ นอกเหนือจากแผนการลงทุนต่างประเทศที่กำหนดไว้ 3 แห่ง คือ เวียดนาม อินเดีย และ จีน เนื่องจากพบว่าอินโดนีเซียมีจำนวนประชากรค่อนข้างมาก มีรูปแบบและวัฒนธรรมใกล้เคียงกับประเทศไทย
ส่วนของการลงทุนที่ประเทศอินเดียที่มีความชัดเจนมากที่สุดนั้น ขณะนี้ได้มีการหารือกับธนาคารท้องถิ่น 2 แห่งให้รับเป็นตัวกลางในการเปิดจองโครงการเพื่อประเมินความต้องการของลูกค้าในเบื้องต้น และคาดว่าจะเปิดขายได้ในช่วงปลายปี 2552
นายสมบูรณ์ กล่าวว่า ด้านการลงทุนในประเทศขณะนี้อยู่ระหว่างการหาซื้อที่ดินเพิ่มในครึ่งปีหลังอีก 10 แปลง คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 1.7-1.8 พันล้านบาทเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในปีหน้า
รวมทั้งการมองหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการต่างจังหวัดเพิ่มนอกเหนือจาก จ.ชลบุรี และ จ.ภูเก็ต โดยอยู่ระหว่างการศึกษาและประเมินที่ดินใน จ.นครปฐม และ จ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากอยู่ใกล้กรุงเทพและความต้องการที่อยู่อาศัยยังมีค่อนข้างมาก คาดว่าจะได้ข้อสรุปอย่างเร็วภายในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ในเบื้องต้นคงจะพัฒนาโครงการเป็นบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮ้าส์ระดับ ราคายูนิตละ 1-2 ล้านบาท ประมาณ 300-400 ยูนิต
สำหรับแผนออกหุ้นกู้ที่เหลือวงเงิน 2.5 พันล้านบาทที่ขออนุมัติผู้ถือหุ้นไว้นั้น จากเดิมที่วางแผนจะเสนอขายในช่วงปลายปีนี้ คาดว่าคงต้องเลื่อนไปออกในปีหน้า เนื่องจากจากการประเมินสถานการณ์ตอนนี้ดีขึ้นกว่าที่เคยคาดไว้ โดยยอดขายบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินความคาดหมาย โดยเฉพาะในช่วงเดือน ก.ค.และ ส.ค.และยังส่งผลให้การทยอยการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ บริษัทจะมีการเปิดตัวโครงการมากขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก สอดคล้องกับความเป็นไปได้จากเป้าหมายยอดขายทั้งปี 52 มีโอกาสเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ตั้งไว้ 1.8 หมื่นล้านบาท
"ตอนนี้คงไม่เห็นการออกหุ้นกู้แล้วเพราะตอนนั้นที่เราขอเพราะคิดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจการเมืองไม่ดีจึงขอไว้ก่อนเพื่อป้องกันความเสี่ยงแต่ตอนนี้เมื่อประเมินแล้วคงไม่ต้องออกแล้ว อีกอย่างตอนนี้กระแสเงินสดบริษัทก็ค่อนข้างมาก"นายสมบูรณ์ กล่าว
นายสมบูรณ์ กล่าวต่อว่า ช่วงครึ่งหลังของปีนี้บริษัทคาดว่าจะเติบโตได้มากกว่าครึ่งแรก โดยจะมีการทยอยรับรู้รายได้ 9 พันล้านบาท ถึง 1 หมื่นล้านบาท มาจากงานในมือ(backlog)ที่มีอยู่แล้ว 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกที่มีการโอนแล้ว 7.4 พันล้านบาท จึงมั่นใจว่าจะทำให้รายได้ในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 1.7 หมื่นล้านบาท และขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการประเมินแผนงานในปีหน้า เบื้องต้นคาดว่าจะเห็นการพัฒนาโครงการใหม่ประมาณ 40 โครงการ จากปีนี้มีอย่างต่ำ 30 โครงการ