บมจ.จี สตีล (GSTEEL)แจ้งข้อมูลผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ว่า บริษัทฯ ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาทางด้านการเงินเพื่อดำเนินการปรับโครงสร้างการเงิน และปรับโครงสร้างของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกัน จำนวน 170 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะครบกำหนดชำระคืนเงินต้นในวันที่ 4 ตุลาคม 2553
อนึ่ง บริษัทฯไม่ได้ชำระดอกเบี้ยงวดวันที่ 4 ตุลาคม 2552 แต่บริษัทฯ มีความมั่นใจว่าการดำเนินการปรับโครงสร้างทางการเงินและโครงสร้างหุ้นกู้ดังกล่าวจะประสบผลสำเร็จ โดยบริษัทฯ จะแจ้งความคืบหน้าของการเจรจาภายในวันที่ 30 ตุลาคม 2552 นี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อบริษัทฯ ผิดนัดชำระดอกเบี้ยแล้วผู้ถือหุ้นกู้จำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นกู้ทั้งหมดสามารถแจ้งผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้เพื่อให้ดำเนินการเรียกเงินคืนได้ ซึ่งจากเหตุดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัทฯ
ส่วนเงินกู้ยืมระยะยาวของบริษัท โอเรียลทัล แอ็กเซส จำกัด (บริษัทย่อย)ที่ดำเนินการกู้จากสถาบันการเงินนั้น ยังไม่ได้ทำการชำระเงินกู้จำนวนเงิน 15 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 535 ล้านบาท ซึ่งถึงกำหนดจ่ายชำระในวันที่ 30 เมษายน 2552 ทำให้บริษัทย่อยผิดเงื่อนไขการจ่ายชำระตามที่ระบุไว้ในสัญญาเงินกู้และมีภาระต้องจ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมเป็นจำนวนรวม 63.63 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2,174 ล้านบาท
ที่ผ่านมาบริษัทฯ และบริษัทย่อยกำลังดำเนินการเจรจากับเจ้าหนี้ในการชำระเงินที่คงค้างอยู่อย่างต่อเนื่อง และบริษัทฯ มีแนวทางในการชำระหนี้จำนวนนี้ด้วยการหาผู้ร่วมลงทุนใหม่ และ/หรือการหาเงินกู้เพื่อรีไฟแนนซ์หนี้เดิมจากสถาบันการเงินต่อไป ทั้งนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงิน ซึ่งหากการเจรจาไม่สามารถตกลงกันได้ เจ้าหนี้จะสามารถฟ้องร้องเพื่อนำหลักประกันออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ได้ อย่างไรก็ตาม เหตุดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัทฯ
*ระบุสถานการณ์แหล็กผ่านจุดต่ำสุด/ซื้อเครื่องจักรขยายการผลิต
GSTEEL ยังแจ้งว่าสถานการณ์ของอุตสาหกรรมเหล็กได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้ว และในภาพรวมได้ปรับตัวดีขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญ เป็นผลมาจากการผลักดันนโยบายการใช้จ่ายโดยตรงของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่และมีนโยบายที่ชัดเจนในการสนับสนุนอุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศ ทำให้อุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศปรับตัวดีขึ้นจากเดิมมาก และมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับ ราคาเหล็กในตลาดโลกในปีนี้ไม่ผันผวนเหมือนปีที่แล้ว เป็นผลให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเหล็ก และอุตสาหกรรมต่อเนื่องได้รับอานิสงค์ต่อการดำเนินกิจการอย่างมีนัยสำคัญ ดังจะเห็นได้จากผลประกอบการของบริษัทฯ ที่ปรับตัวดีขึ้นมากจากไตรมาสที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ลูกหนี้จากการขายเศษเหล็กคุณภาพต่ำที่โรงงานใช้ไม่ได้ ปัจจุบันบริษัทฯ ได้รับการชำระหนี้จากลูกหนี้ทั้ง 3 ราย ได้แก่ ลูกหนี้รายที่ 1 มียอดหนี้จำนวน 1,257 ล้านบาท บริษัทฯ ได้รับการชำระหนี้เป็นเงินสด และหักกลบลบหนี้ทางบัญชี รวมเป็นจำนวน 772 ล้านบาท และยังมียอดหนี้คงเหลือจำนวน 485 ล้านบาท
ลูกหนี้รายที่ 2 มียอดหนี้จำนวน 1,460 ล้านบาท บริษัทฯ ได้รับการชำระหนี้โดยการหักกลบลบหนี้ และโอนหนี้จากลูกหนี้ขายเศษเหล็กมาเป็นลูกหนี้บริษัทย่อยจากรายการการจัดซื้อเครื่องจักรของบริษัทย่อย จำนวน 1,017 ล้านบาท และยังมียอดหนี้คงเหลือจำนวน 443 ล้านบาท
และลูกหนี้รายที่ 3 มียอดหนี้จำนวน 927 ล้านบาท บริษัทฯ อยู่ระหว่างการรอนำเข้าเครื่องจักร มูลค่า 17.925 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 607 ล้านบาท) ให้ครบทั้งจำนวนตามสัญญาซื้อเครื่องจักรจึงจะทำการหักกลบลบหนี้ให้เสร็จสิ้นภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ซึ่งจะทำให้มียอดหนี้คงเหลือจำนวน 320 ล้านบาท
อนึ่ง บริษัทฯได้ทำการจัดซื้อเครื่องจักรข้างต้นเพื่อประโยชน์โดยตรงของการนำมาใช้ในโครงการขยายกำลังการผลิตเหล็กรีดร้อนและเหล็กปรับสภาพผิว ตามที่ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น และโครงการส่งเสริมการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ไปแล้วก่อนหน้านี้
สำหรับการจัดซื้อเครื่องจักรของบริษัทย่อยจากลูกหนี้รายที่ 2 นั้น บริษัทย่อยมีแผนที่จะดำเนินการก่อสร้างโครงการผลิตเหล็กเคลือบสังกะสีคุณภาพสูงแบบต่อเนื่องที่ได้มีการก่อสร้างไปแล้วในอดีตกว่า 50% ให้แล้วเสร็จ เนื่องจากบริษัทย่อยได้มีการลงทุนในโครงการนี้ไปแล้วกว่า 4,000 ล้านบาท และเมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จบริษัทย่อยจะสามารถผลิตและขายเหล็กเคลือบสังกะสีคุณภาพสูงแบบต่อเนื่องตามกำลังการผลิตประมาณ 450,000 ตันต่อปี เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในประเทศที่มีอยู่อย่างมาก และจะช่วยทดแทนการนำเข้าของสินค้าจากต่างประเทศ เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี
อนึ่ง หลังจากที่บริษัทฯ ได้หักกลบลบหนี้ของการจัดซื้อเครื่องจักรกับลูกหนี้จากการขายเศษเหล็กคุณภาพต่ำรายนี้นั้น มูลหนี้ดังกล่าวจะเป็นการโอนหนี้ไปสู่บริษัทย่อยผู้ซึ่งเป็นผู้สั่งซื้อและได้รับเครื่องจักรรายการนี้ไปใช้ประโยชน์รายการโอนหนี้ ดังกล่าวจึงถือเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันตามข้อกำหนด ซึ่งบริษัทฯ และบริษัทย่อยได้ดำเนินการเสนอเพื่อให้มีการพิจารณาอนุมัติตามขั้นตอนที่ถูกต้องเรียบร้อยแล้ว
สำหรับมูลค่ายุติธรรมของเครื่องจักรทั้งหมดข้างต้นนั้น บริษัทฯ และบริษัทย่อยจะดำเนินการจัดหา ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาทำการประเมินมูลค่ายุติธรรมให้ลุล่วงไป ส่วนเงินจ่ายล่วงหน้าค่าซื้อที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ 2,933.39 ล้านบาทนั้น เงินจ่ายล่วงหน้าทั้งหมดข้างต้นเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อเครื่องจักรเพื่อใช้ในโครงการขยายกำลังการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อน (Hot Rolled Coil) และเหล็กแผ่นรีดร้อนปรับสภาพผิว (Coil Conditioning Line) กำลังการผลิตประมาณ 1.6 ล้านตันต่อปี ซึ่งได้มีการระดมทุนจากการออกหุ้นกู้ และการเพิ่มทุนเสนอ ขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) รวมทั้งจากเงินหมุนเวียนของบริษัทฯ
อนึ่ง การที่บริษัทฯ มีการจ่ายเงินล่วงหน้าค่าเครื่องจักรหรือทรัพย์สินนั้น เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทฯ ไม่ได้ใช้วงเงิน LC, TR หรือวงเงินค้ำประกันจากสถาบันการเงินในการค้ำประกันการจัดซื้อเครื่องจักรดังกล่าว บริษัทฯ จึงเจรจาทำข้อตกลงกับผู้ขายเครื่องจักรด้วยการวางมัดจำและทยอยจ่ายเงินเป็นงวดๆ ตามสัญญา อนึ่งผู้ขายเครื่องจักรดังกล่าวไม่ใช่บุคคลที่เกี่ยวโยงกัน
อย่างไรก็ตาม บางสัญญาผู้ขายพร้อมที่จะส่งมอบเครื่องจักรแล้ว แต่บริษัทฯ ได้มีการเจรจาขอให้ผู้ขายชะลอการส่งมอบเครื่องจักรเพื่อที่จะเลื่อนการชำระเงินออกไป จากความเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นของทั้งสองฝ่าย บริษัทฯ และผู้ขายยังคงมีความตั้งใจในการที่จะซื้อขายเครื่องจักรกันตามสัญญาต่อไป