ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 131.50 จุดหลังออสเตรเลียขึ้นดบ.สะท้อนศก.โลกฟื้นตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 7, 2009 06:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้น หลังจากธนาคารกลางออสเตรเลียเป็นประเทศแรกในกลุ่ม G20 ที่ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อวานนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นได้ นอกจากนี้ นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อผลประกอบการภาคเอกชนเนื่องจากเศรษฐกิจโลกเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัว

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 131.50 จุด หรือ 1.37% แตะที่ 9,731.25 ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 14.26 จุดหรือ 1.37% แตะที่ 1,054.72 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 35.42 จุด หรือ 1.71% แตะที่ 2,103.57 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.23 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 4 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.42 พันล้านหุ้น

ฟิล ออร์แลนโด นักวิเคราะห์จากบริษัท Federated Investors กล่าวกับเอพีว่า การตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางออสเตรเลียทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวแล้ว นอกจากนี้ การขึ้นดอกเบี้ยของแบงค์ชาติออสเตรเลียได้ฉุดสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนแอลง ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งขึ้น อีกทั้งหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและเหมืองแร่ในตลาดนิวยอร์กทะยานขึ้นด้วย โดยราคาน้ำมันดิบและทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุด

ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 3.25% จากเดิม 3.0% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 3% ในการประชุมวานนี้ ขณะเดียวกันธนาคารกลางส่งสัญญาณว่าจะค่อยๆชะลอการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

สตีเฟ่น วอลเตอร์ส หัวหน้านักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค กล่าวว่า ออสเตรเลียเป็นประเทศแรกในกลุ่มประเทศ G20 ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์การเงินโลกในช่วงกว่า 1 ปีที่แล้ว โดยการปรับตัวขึ้นของตัวเลขจ้างงานเอกชน ยอดค้าปลีก และราคาบ้านในออสเตรเลีย รวมทั้งดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจและผู้บริโภคที่สูงขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธนาคารกลางมองว่าเศษฐกิจขยายตัวแข็งแกร่งมากพอที่จะปรับดอกเบี้ยขึ้นไปอยู่ที่ระดับปกติ

ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจได้หนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆทะยานขึ้นดัวย โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปิดพุ่ง 1.6% ขณะที่การพุ่งขึ้นของสัญญาทองคำได้พยุงหุ้นกลุ่มเหมืองอย่างฟรีพอร์ท-แมคโมแรน ปิดพุ่ง 3.4%

นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับผลประกอบการของภาคเอกชนในไตรมาส 3 ได้หนุนบรรยากาศการซื้อขายให้คึกคักขึ้นด้วย โดยบริษัท อัลโคเป็นบริษัทแรกที่จะเริ่มรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ในวันพุธนี้

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี ทางการสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนส.ค. ส่วนวันศุกร์จะมีการเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ