โบรกฯเห็นพ้อง"ซื้อ"AOT รับการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวในช่วงปลายปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 7, 2009 14:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT)รับการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวในช่วงปลายปีนี้(2552)โดยมอง AOT ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจากนี้ไปก็น่าจะฟื้นตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจ จะเห็นได้ว่าจำนวนผู้โดยสารพลิกกลับมาเป็นบวกตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา และนโยบายการให้ส่วนลดกับสายการบินต่าง ๆ ที่มาลงจอดจะสิ้นสุดลงตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นไป

รวมทั้ง การที่ รฟม.จะจ่ายเงินให้แก่ AOT 4,800 ล้านบาทเป็นค่าก่อสร้างอุโมงค์ Airport rail link ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จะช่วยเพิ่มมูลค่าหุ้นอีก 4 บาท/หุ้น และในแง่อัตราผลตอบแทนจากกระแสเงินสดสูงถึง 8.1% ในปัจจุบัน

สำหรับส่วนต่อขยายสนามบินสุวรรณภูมิน่าจะสร้างผลประโยชน์ให้แก่ AOT มาก เพราะส่วนใหญ่โครงการที่ลงทุนจะเป็นส่วนที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่ AOT ได้ทันทีเมื่อสร้างเสร็จ

โบรกฯส่วนใหญ่คาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ในช่วง 1,208-2,528 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว(2551)ที่มีกำไรสุทธิกว่า 7,000 ล้านบาท เนื่องจากในปีที่แล้ว AOT บันทีกรายได้จากคิงพาวเวอร์ประมาณ 8,337 ล้านบาท ส่วนปีหน้า(2553)คาดว่า AOT จะมีกำไรสุทธิในช่วงประมาณ 2,507-4,432 ล้านบาท

          โบรกฯ                    คำแนะนำ                      ราคาเป้าหมาย (บาท)
          Credit Suisse              ซื้อ                            54.00
          บล.เกียรตินาคิน               ซื้อ                            48.00
          บล.ธนชาต                   ซื้อ                            49.00
          บล.บัวหลวง                  ซื้อ                            48.00
          บล.ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) ซื้อเก็งกำไร                     46.00
          บล.พัฒนสิน                   Neutral,ซื้อเก็งกำไร(ทางเทคนิค)   49.00

นายเบญจพล สุทธิ์วนิช เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน ให้เหตุที่แนะนำ"ซื้อ"หุ้น AOT ว่า เป็นการรับการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวในช่วงปลายปีนี้ เท่าที่ดูจะเห็นได้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมปีนี้น่าจะมีหลายตัวที่อยู่ในระดับที่ดี อีกทั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศอื่นในแถบภูมิภาคเอเชียเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจท่องเที่ยวด้วย นอกจากนี้ปัจจุบัน AOT ได้มีการจัดโปรโมชั่นมากขึ้น อย่างเช่นการปรับลดค่าธรรมเนียมการใช้สนามบิน

สำหรับประเด็นการทำส่วนต่อขยายสนามบินสุวรรณภูมิ นายเบญจพล กล่าวว่า ปัจจุบัน AOT ได้เริ่มดำเนินการแล้วคาดว่าจะใช้งบลงทุนเพียง 3-4 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับแผนเดิมของ AOT ที่เป็นลักษณะของโครงการเมกะโปรเจค ซึ่งตอนนั้นมีข่าวว่าจะใช้งบลงทุนถึง 7-8 หมื่นล้านบาท

ส่วนต่อขยายที่ทำในครั้งนี้มองว่าน่าจะสร้างผลประโยชน์ให้แก่ AOT มาก เพราะส่วนใหญ่โครงการที่ลงทุนจะเป็นส่วนที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่ AOT ได้ทันทีเมื่อสร้างเสร็จ อาทิ การขยาย Domestic Terminal, ขยายรันเวย์ที่ 3 ทำให้เป็นการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินที่มาจอดลงสนามบินสุวรณณภูมิมากขึ้น ก็จะได้รายได้เข้า AOT ได้ทันที ตอนนี้ AOT ก็เริ่มทยอยลงทุนแล้ว และตามแผนที่วางไว้จะทยอยงานแล้วเสร็จในปี 55

พร้อมคาดการณ์รายได้ของ AOT ในปีนี้ไว้ที่ 22,469 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิปีนี้คาดว่าจะมี 2,528 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิกว่า 7,000 ล้านบาท เนื่องจากในปีที่แล้ว AOT บันทีกรายได้จากคิงพาวเวอร์ประมาณ 8,337 ล้านบาท ส่วนปีหน้าคาดว่า AOT จะมีกำไรสุทธิประมาณ 4,432 ล้านบาท

นายถนอมศักดิ์ สหรัตนชัย ผู้บังคับบัญชา สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พัฒนสิน กล่าวว่า หุ้น AOT ยังเป็นหุ้นที่ Laggard อยู่ และน่าจะได้รับประโยชน์จากธุรกิจท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัวขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ทั้งนี้ AOT ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจากนี้ไปก็น่าจะฟื้นตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว

พร้อมคาดการณ์กำไรปกติของ AOT ในปีนี้ไว้ที่ 1,693 ล้านบาท และกำไรสุทธิคาดการณ์ไว้ที่ 1,208 ล้านบาท ส่วนปีหน้า(2553)กำไรสุทธิไว้ที่ 2,507 ล้านบาท

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า จำนวนผู้โดยสารได้พลิกกลับมาเป็นบวกตั้งแต่เดือนส.ค.ที่ผ่านมา และนโยบายการให้ discount กับสายการบินต่าง ๆ ที่มาลงจอดจะสิ้นสุดลงตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นไป

อีกทั้งทางคณะรัฐมนตรีให้ความช่วยเหลือแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)ซึ่ง รฟม.ก็จะมาจ่ายชำระคืนให้แก่ AOT 4,800 ล้านบาท เป็นค่าก่อสร้างอุโมงค์ Airport rail link ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตรงนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าหุ้นอีก 4 บาท/หุ้น และในแง่อัตราผลตอบแทนจากกระแสเงินสดสูงถึง 8.1% ในปัจจุบัน จึงมองว่ายังเป็นหุ้นที่ราคาถูกมาก

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิของปีนี้(2552)ไว้ที่ 2,029 ล้านบาท ส่วนปีหน้า(2553)คาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 2,848 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ