ไชลา แบร์ ประธานบรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) เปิดเผยว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะยังไม่อนุมัติแผนการยกเครื่องกฎระเบียบควบคุมตลาดวอลล์สตรีทในปีนี้ เนื่องจากสภายังไม่เห็นด้วยกับแผนการณ์ดังกล่าว และยังต้องการเวลาที่จะพิจารณาเพื่อชั่งน้ำหนักในเรื่องข้อเสนอต่างๆ และคาดว่าในไตรมาสแรกของปีหน้าน่าจะมีกิจกรรมต่างๆออกมาเป็นจำนวนมาก
แบร์กล่าวว่า สภาคองเกรสควรจะศึกษาทางเลือกต่างๆอย่างระมัดระวัง และจัดทำประชามติมากขึ้น โดยยังมีบางประเด็นที่สภาจำเป็นต้องดำเนินการอย่างชัดเจน ส่วนในด้านอื่นๆนั้นเราอาจจะต้องดำเนินการเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ในระยะยาว
บาร์นีย์ แฟรงค์ ประธานคณะกรรมการบริการการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และคริสโตเฟอร์ ด็อดด์ ประธานคณะกรรมการธนาคารของวุฒิสภาซึ่งเป็นแกนนำในการปรับปรุงกฎหมายนั้น เคยกล่าวไว้ว่า จะผลักดันกฎหมายให้ผ่านการอนุมัติให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ ทางด้านนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐก็ได้กดดันคองเกรสให้ลงคะแนนเสียงปีนี้ และย้ำกับคณะกรรมการบริการการเงินเมื่อวันที่ 23 ก.ย.ว่า ตอนนี้ช่วงเวลาเป็นอุปสรรคในการปฏิรูป
ประธาน FDIC ยังได้ผลักดันให้สภาคองเกรสจัดตั้งกลไกที่ให้อำนาจในการปิดกิจการบริษัทที่ล้มละลาย และหลีกเลี่ยงการให้เงินช่วยเหลือแก่เอกชนที่การล้มละลายอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยวุฒิสภาเองก็ได้รับการเรียกร้องให้มีการให้อำนาจแก่ FDIC ในการปิดกิจการบริษัทที่ล้มละลาย ซึ่งเป็นกระบวนการเดียวกับที่คณะกรรมการได้ใช้ในการปิดกิจการธนาคารต่างๆ นอกจากนี้ ประธาน FDIC ยังได้สนับสนุนให้มีการจัดตั้งสภาการกำกับดูแล เพื่อติดตามสถานการณ์ในบริษัทต่างๆที่อาจจะสร้างความเสี่ยงในเชิงระบบ
บลูมเบิร์กรายงานว่า แบร์กล่าวว่า การจัดตั้งองค์กรที่มีอำนาจในการแก้ปัญหาจัดอยู่ในอันดับแรกของเรา ซึ่งการล้มละลายนั้นถือว่าเป็นวิธีการที่ไม่ได้ผล