BSEC มองโครงการมาบตาพุดชะงักกดดันตลาดหุ้น,คาดปี 53 ดัชนี SET ทดสอบ 880 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 8, 2009 14:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเอกพิทยา เอี่ยมคงเอก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.บีฟิท เปิดเผยในงานสัมมนา“สภาวะตลาดหุ้นและแนวโน้มการลงทุน"ว่า การเมือง ความผันผวนของค่าเงินบาท ราคาน้ำมัน และล่าสุดความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อกรณีคำสั่งศาลปกครองระงับ 76 โครงการลงทุนในมาบตาพุด เป็นปัจจัยที่ยังคงกดดันสภาวะตลาดหุ้นและการลงทุน

สำหรับกรณีการลงทุนในมาบตาพุดที่ต้องชะงักไปนั้น หากประเมินมูลค่าความเสียหาย โดยเฉพาะโครงการของบมจ.ปตท.(PTT)หากล่าช้าไป 1 ปีอาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้ในปี 53 ประมาณ 8.8 หมื่นล้านบาทถึง 1.25 แสนล้านบาท หรือ 5-7% ของประมาณการรายได้ที่ประเมินไว้ 1.82 ล้านล้านบาท และยังกระทบต่อกำไรประมาณ 5.4-7.0 พันล้านบาทของกำไรที่ประเมินไว้ 8.22 หมื่นล้านบาท

ขณะที่ บมจ.ปตท.เคมิคอล(PTTCH)ก็จะได้รับผลพวงต่อเนื่องไปด้วย โดยหากล่าช้าไป 1 ปีอาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้ 2.86 หมื่ล้านบาท หรือ 25%ของประมาณการไว้ที่ 1.16 แสนล้านบาท กระทบกำไรประมาณ 2.73 พันล้านบาทจากกำไรที่บริษัทประเมินไว้ในปีหน้าที่ 9.61 พันล้านบาท

นายเอกพิทยา ประเมินภาวะตลาดหุ้นไทยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้จะอยู่ที่ 747.34 จุด ค่า P/E อยู่ที่ 29-30 เท่า ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงสุด แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงสั้นนี้(สัปดาห์หน้า)แนะนำให้นักลงทุนขายทำกำไร เพราะเชื่อว่าหุ้นจะปรับขึ้นไปแรงและจะปรับลงมาพักฐานที่ 650-670 จุด เพราะก่อนหน้านี้ที่ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากแล้วจากปัจจัยการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ หลังจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ในปี 53 มองดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสทดสอบระดับ 880 จุด

ส่วนภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/52 คาดว่าจะฟื้นตัวเป็นบวก 2.3% และจะฟื้นตัวต่อเนื่องไปถึงปี 53 ตามจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลผ่านโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งจะทำให้กำลังซื้อในประเทศค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากงบประมาณไทยเข้มแข็ง 150,500 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลดีต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก และกลุ่มสื่อสารที่ได้รับผลดีจาก 3G

ขณะที่กลุ่มที่ควรเลี่ยงเลี่ยงในการลงทุนในขณะนี้ ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ เพราะราคาหุ้นเต็มมูลค่า รวมทั้งกลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตเคมี เพราะได้รับผลกระทบจากกรณีระงับ 76 โครงการมาบตาพุด

ทั้งนี้ หากพิจารณาแยกเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมพบว่า กลุ่มรับเหมาก่อสร้างในอนาคตจะมีทิศทางที่ดีถึงแม้ผลประกอบการไตรมาส 3/52 จะไม่โดดเด่นเนื่องจากอยู่ในช่วงรอยต่อของการส่งมอบงานเก่าและเริ่มดำเนินงานใหม่ แต่ก็จะต้องติดตามในอนาคตที่จะมีความโดดเด่นมากขึ้นจากเม็ดเงินลงทุนที่จะทยอยออกมาในโครงการขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสีแดง

กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กก็เป็นอีกกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากงบลงทุนโครงการไทยเข้มแข็ง เนื่องจากความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นและราคาขายเฉลี่ยที่ปรับตัวดีขึ้น 20-30% เมื่อเทียบกับระดับต่ำสุดในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยมองว่ากลุ่มที่จะได้รับผลดีและแนะนำลงทุน คือ TSTH และ SSI

ส่วนกลุ่มสื่อสาร มองว่าจะได้รับผลดีจากการที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) กำหนดการประมุลใบอนุญาต 3G ในเดือน ธ.ค และจะให้ไลเซ่นส์แก่ผู้ประกอบการได้ในเดือน ม.ค.53 โดยมองว่าผู้ที่จะได้รับประโยชน์ ADVANC DTAC TRUE จากการโอนย้ายลูกค้าเดิมไปอยู่ภายใต้ใบอนุญาตใหม่ ซึ่งทำให้การจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้กับรัฐลดลงจาก 20-25% เหลือประมาณ 10% นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากรายได้เฉลี่ยต่อหมายเลขเพิ่มขึ้นด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ