บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์(TUF)คาดปี 53 รายได้สกุลเงินเหรียญสหรัฐเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% มาที่ระดับ 2.3-2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากปี 52 ที่มีอัตราเติบโต 5% หรือมีรายได้ราว 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยเชื่อว่าสภาพธุรกิจในปีหน้าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติจากผลการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก พร้อมคาดอัตรากำไรขั้นต้นยังรักษาได้เท่าปีนี้ที่ระดับ 15%
พร้อมกันนั้น ยังวางเป้าหมายต่อไปอีก 3 จากปีนี้จะมีอัตราเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 12% หรือภายในปี 55 รายได้จะเพิ่มขึ้นมาแตะระดับ 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่กำไรก็จะเติบโตตามไปด้วย ขณะเดียวกัน ก็เล็งหาโอกาสขยายกิจการในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
"ในปีหน้าผมตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ในรูปเงินดอลลาร์ ยังมองแนวโน้มปีหน้ายังไปได้ดี...ปีหน้าคาดว่าวอลุ่มขายน่าจะเพิ่มขึ้น 10-12% ตามปกติ เรามีแผน 4 ปี(สิ้นสุดปี ค.ศ.2012)ที่ทำยอดขายให้ได้ถึง 3 พันล้านเหรียญฯ จะโตได้ก็ต้องทำยอดขายเติบโตปีหนึ่งต้องโต 12%"นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร TUF กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ส่วนปีนี้คาดว่ารายได้จะเติบโตในอัตรา 5% มาที่ประมาณ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากราคาขายลดลงตามราคาวัตถุดิบสำคัญ คือ ปลาทูน่า โดยรวมถูกลงจากปีที่แล้วที่ปรับสูงไปตามภาวะราคาน้ำมัน ขณะที่ราคาวัตถุดิบปลาทูน่าในช่วงนี้อ่อนตัวลงมาที่ระดับ 1 พันเหรียญสหรัฐ/ตัน และคาดว่าปีนี้ราคาปลาทูน่าเฉลี่ยต่ำกว่าปีที่แล้ว เพราะในปีก่อนราคาปลาทูน่าขึ้นไปสูงสุดที่ 1,980 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่ปีนี้ขึ้นไปสูงสุดที่ 1,480 เหรียญสหรัฐ/ตัน
ในด้านปริมาณการผลิตนั้น ยังน่าจะทรงตัวจากปีก่อน แม้ว่ากำลังการผลิตใหม่จากที่จอร์เจียจะเพิ่มเข้ามาในเดือน ต.ค.แต่จะไปทดแทนกำลังการผลิตของโรงงานในซามัวที่ปิดกิจการไป ทำให้โดยรวมกำลังการผลิตไม่ได้เพิ่มขึ้น
นายธีรพงศ์ กล่าวว่า สำหรับการประเมินรายได้ในปีหน้าที่ 2.3-2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ มาจากที่บริษัทมองว่าสภาวะต่าง ๆ น่าจะกลับเข้าสู่ปกติ ก็น่าจะทำให้ผลดำเนินงานสามารถเติบโตได้เหมือนกับที่ผ่าน ๆ มา โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)ในระดับ 15% ต่อไป และจะเน้นการเพิ่มยอดขายเพื่อให้กำไรโดยรวมเพิ่มขึ้น
บริษัทได้ดำเนินกลยุทธหลักที่สำคัญมาอย่างต่อเนื่อง คือ การเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ การเติบโตไปตามเศรษฐกิจ และ การขยายตลาดใหม่ จึงเชื่อว่าจะทำให้การเติบโตของบริษัทเป็นไปอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน โดยในส่วนของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่เพิ่มมูลค่า(Value Added)เช่น สินค้าที่มาจากกุ้ง ปรับเป็นสินค้าพร้อมรับประทาน(Ready Meal) เป็นต้น
พร้อมกันนั้น บริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจ โดยมีแผนลงทุนสร้างห้องเย็นใหม่ ขนาด 4 หมื่นตัน เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปัจจุบัน และขยายไลน์การผลิตใหม่ แต่ยังคงตั้งในจังหวัดเดียวกันคือ จ.สมุทรสาคร ทั้งหมดใช้เงินลงทุนประมาณ 1.5-1.6 พันล้านบาท
ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนระยะยาวในการเพิ่มกำลังการผลิตทุกๆ 2-3 ปี โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นประมาณ 20-30% ซึ่งเป็นการเพิ่มตามปกติ และดูลู่ทางการลงทุนใหม่ๆ เพื่อขยายธุรกิจต่อเนื่อง
"เราก็ดู(ลู่ทางการลงทุนใหม่)อยู่ตลอด พยามยามหาอยู่อย่างต่อเนื่อง" นายธีรพงศ์ กล่าว
ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ของ TUF มาจากการส่งออก 90% ตลาดหลักอยู่ที่ยุโรป