โบรกเกอร์ เชียร์"ซื้อ"หรือ"ซื้อเก็งกำไร"บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE)รับผลบวกจากกรณี บมจ.อสมท(MCOT)อนุมัติให้บริการเคเบิลทีวีของทรูวิชั่นส์สามารถหารายได้จากการโฆษณาในช่องรายการไม่เกินชั่วโมงละ 6 นาที ซึ่งจะทำให้รายได้ค่าโฆษณาเพิ่ม แต่คงจะเห็นผลชัดเจนในปีหน้า อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกที่จะตามมาอีกทั้งเรื่องของการประมูลไลเซ่นส์ 3G ประกอบกับแนวโน้มธุรกิจเริ่มดีขึ้น โดยบางโบรกฯ เตรียมปรับมุมมองและราคาเป้าหมายขึ้นจากเดิม
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย บล.ทรีนีตี้ ซื้อ 4.60 บล.กรุงศรีอยุธยา ซื้อเก็งกำไร 3.65 บล.กิมเอ็ง ซื้อเก็งกำไร 3.63 บล.เกียรตินาคิน ถือ 3.00-3.10 บล.ทิสโก้ อยู่ระหว่างปรับมุมมองเป็น Positive
นายถกล บรรจงรักษ์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า หลังจาก MCOT อนุมัติให้ทรูวิชั่นส์สามารถหารายได้จากการโฆษณาในช่องรายการ และกับการจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้ MCOT ปีละ 6.5% เป็นผลบวกต่อ TRUE แน่นอน เพราะตัวรายได้จากตรงนี้ที่ประเมินไว้คร่าวๆ น่าจะช่วยให้มีรายได้ค่าโฆษณาเพิ่มเข้ามา แต่ปีนี้อาจจะยังไม่เห็นผลชัดเจน คงต้องเป็นปีหน้าเป็นต้นไปที่รายได้ค่าโฆษณาจะเริ่มเพิ่มเข้ามามากขึ้น ประมาณไว้ว่า 5% ของรายได้ของเฉพาะทรูวิชั่นส์ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 450-500 ล้านบาทต่อปี
"ตรงนี้เป็นเหมือนทั้งรายได้และกำไรเพราะไม่ได้มีต้นทุนอะไรมาก เพียงแต่อาจจะเสียส่วนแบ่งรายได้จากการโฆษณาให้ทาง MCOT 6.5% ต่อปีแต่ก็ถือว่าไม่เยอะ เพราะตรงนี้เหมือนได้เข้ามาฟรีๆ จะเสียไปแค่ 6.5% ก็ไม่น่าเป็นผลกระทบอะไร"นักวิเคราะห์ กล่าว
ส่วนประเด็นเชิงบวกอื่นๆ คงเป็นเรื่องเดิมคือใบอนุญาตให้บริการ 3G ที่จะเริ่มประมูลปลายปีนี้ นอกจากนี้ ธุรกิจหลักหลายๆ ธุรกิจเริ่มดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ทรูออนไลน์ ทรูมูฟ ปีหน้าน่าจะกลับมาเติบโตได้
"เราจึงยังแนะนำ"เก็งกำไร" ราคาเป้าหมาย 3.65 บาท/หุ้น"นายถกล กล่าว
ด้านน.ส.ศลยา ณ สงขลา ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)มองว่า นอกจากการคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการของกลุ่ม TRUE ที่ดีขึ้นในไตรมาส 3/52 รวมถึงคาดว่าหุ้น TRUE จะหลุดจาก turnover list ในสัปดาห์หน้า ล่าสุด MCOT อนุมัติสัญญาให้ทรูวิชั่นส์สามารถหารายได้จากการโฆษณาผ่านช่องรายการได้ไม่เกินชั่วโมงละ 6 นาที โดย MCOT จะเก็บค่าตอบแทนเป็นเงินในอัตรา 6.5% ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย คาดว่าการหารายได้จากค่าโฆษณานี้จะเริ่มได้เร็ว และคาดการณ์ว่าจะสร้างรายได้ในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 5% ของรายได้ของทรูวิชั่นส์ในปีหน้า หรือราว 500 ล้านบาท
"หลังจากรวมแหล่งรายได้ของทรูวิชั่นส์แล้ว เราได้ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมของหุ้น TRUE อีก 0.25 บาท/หุ้น จาก 3.38 บาท/หุ้น เป็น 3.63 บาท/หุ้น"น.ส.ศลยา กล่าว
ส่วนนักวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน ยังแนะนำรอให้ราคาอ่อนตัวลงต่ำกว่าราคาเป้าหมายที่มองไว้ 3.00-3.10 บาท/หุ้นเล็กน้อยแล้วค่อยเข้า"ถือ"
ทั้งนี้ เกียรตินาคินได้ทำการปรับราคาพื้นฐานของ TRUE เพิ่มเป็น 3.00 บาท จากเดิม 2.10 บาท เมื่อกลางเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาจากประเด็นเรื่อง 3G แต่ 3G ในที่นี้ตาม Assumption เบื้องต้นจาก กทช.ว่าค่าใช้จ่ายบนใบอนุญาตโดยเฉลี่ยประมาณ 8% แต่ก็ต้องดูอีกทีว่าสรุปแล้วโครงสร้างต้นทุนใบอนุญาตใหม่รวมกับเงินลงทุนของทรูมูฟเองที่จะลงทุน 3G สุดท้ายแล้ว Benefit จาก Cost ที่จะลดลงจะเพิ่มมูลค่าให้เท่าไหร่
ส่วนประเด็นเรื่อที่ได้รับอนุมัติให้หารายได้จากค่าโฆษณาจาก MCOT เราตีเป็นมูลค่าขั้นต่ำปีละ 500 ล้านบาท ซึ่งยังไม่หักค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายให้ MCOT 6.5% ก็จะเหลือประมาณ 400 ล้านกว่าๆ ซึ่งน่าจะเพิ่มมูลค่าให้ TRUE ประมาณ 0.10 บาท จาก 3.00 บาท/หุ้น เป็น 3.10 บาท/หุ้น
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นของ TRUE สะท้อนเรื่องของใบอนุญาต 3G และเรื่องพันธมิตรที่คาดหวังว่าจะเข้าช่วยเรื่องเงินทุนไว้พอสมควรแล้ว เพียงแต่มูลค่าพื้นฐานอาจจะ Vary ตามต้นทุนที่ประกาศออกมาชัดเจนจาก กทช.
ขณะที่นายฐาปน พานิช นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า เราอยู่ระหว่างการปรับมุมมองและราคาเป้าหมายสำหรับ TRUE หลังจากมีประเด็นล่าสุดจากเรื่องของ MCOT เข้ามา รวมทั้งอีกหลายๆ เรื่อง แต่อย่างไรก็ตาม เอาเป็นว่าน่าจะเป็น Positive