หุ้นจีนซึ่งจัดได้ว่าย่ำแย่ในบรรดาตลาดประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (BRIC) ในไตรมาส 3 นั้น มีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้นแล้ว เนื่องจากนักลงทุนมองว่าหุ้นมีราคาถูกเกินกว่าที่จะเป็นสาเหตุให้เศรษฐกิจขยายตัวร้อนแรงเกินไป
โรเบิร์ต โฟรลิช กรรมการผู้จัดการอาวุโสของฮาร์ทฟอร์ด ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส กรุ๊ป กล่าวว่า หุ้นจีนเรียกได้ว่าเป็นหุ้นที่มีมูลค่าดีที่สุดเมื่อเทียบกับหุ้นในประเทศอื่นๆทั่วโลก มูลค่าและผู้บริโภคจีนนับเป็นปัจจัยที่สำคัญ
บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนดีดตัวขึ้นถึง 3% เมื่อเวลา 9.55 น.ตามเวลาท้องถิ่นในวันนี้ หลังจากที่ตลาดหุ้นจีนเปิดทำการเป็นวันแรกหลังจากที่หยุดทำการเป็นเวลา 8 วันเนื่องในวันหยุดประจำชาติ แต่ไตรมาส 3 ดัชนีตกลงไปถึง 6.1% ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่า การปล่อยกู้ที่ชะลอตัวลงจะทำให้เศรษฐกิจจีนสะดุดลง ขณะที่หุ้นในบราซิล รัสเซีย และอินเดีย ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในกลุ่ม BRIC ดีดตัวขึ้นอย่างน้อย 18% ในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2550 ที่หุ้นของประเทศเหล่านี้ดีดตัวขึ้นแต่หุ้นจีนกลับร่วงลง
หุ้นในดัชนีเซี่ยงไฮ้ซื้อขายกันถึง 31.5 เท่าเมื่อเทียบกับกำไรของบริษัทที่ได้มีการรายงานออกมา ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงจากระดับสูงสุดของปีนี้ที่ 39 ไชน่า แกแลคซี จีเอฟ ซิเคียวริตีส์ และเฉินยิน แอนด์ วังกัว ซิเคียวริตีส์ ประเมินว่า ดัชนีเบนช์มาร์คของจีนจะปรับตัวขึ้นถึง 32% ในไตรมาส 4
ปีเตอร์ ชิฟ หัวหน้านักวิเคราะห์ของยูโร แปซิฟิค แคปิตอล ซึ่งเคยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2549 นั้น กล่าวว่า จีนเป็นที่ที่เราดึงเงินส่วนใหญ่ของเราออกมามากที่สุดในบรรดาประเทศกลุ่ม BRIC มูลค่าหุ้นนั้นดีกว่า ขณะที่การขยายตัวและตัวเลขกำไรก็มีแนวโน้มดีขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ ยังได้แนะนำให้เล่นหุ้นที่เน้นเรื่องดีมานด์ในประเทศ เช่น ตาห์ ชง หง โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการดีลเลอร์รถยนต์ อาหาร และผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภค และหุ้นเอ็กซ์สเต็ป อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกสินค้าที่เกี่ยวกับกีฬ่า