(เพิ่มเติม) ฟิทช์ให้อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิใหม่ของ TMB ที่ A(tha)

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 9, 2009 14:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศให้อันดับเครดิตระยะยาวภายในประเทศแก่หุ้นกู้แบบไม่มีหลักประกันและด้อยสิทธิ์วงเงินรวมไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาการไถ่ถอน 10 ปี ของธนาคารทหารไทย (TMB) ที่ระดับ A(tha)

ฟิทช์ระบุว่า การให้อันดับเครดิตครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความคืบหน้าด้านสถานะเงินทุนของ TMB หลังการเพิ่มทุนของบริษัท ไอเอ็นจี แบงค์ เอ็นวี (ไอเอ็นจี อันดับเครดิตที่ ‘A+’/‘F1+’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ในเดือนธ.ค.ปีพ.ศ.2550 และแม้ว่าการดำเนินงานของ TMB ได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างด้านปฏิบัติการและสภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ แต่ TMB มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นในปีพ.ศ.2553 เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น และเนื่องจาก TMB มุ่งเน้นในเรื่องการขยายธุรกิจ

ถึงกระนั้นก็ตาม ฟิทช์ระบุว่า ธนาคารยังมีความเสี่ยงในการดำเนินงาน เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอและธนาคารยังคงมีความเสี่ยงในด้านคุณภาพสินทรัพย์

ทั้งนี้ TMB มีกำไรสุทธิเพียงเล็กน้อยที่ 0.8 พันล้านบาทในครึ่งปีแรกปี 2552 เนื่องจากรายได้ที่ลดลง จากการที่สินเชื่อของธนาคารยังคงลดลงอย่างมาก (ลดลง 13.7% จากสิ้นปี 2551) ประกอบกับการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและการด้อยค่าของทรัพย์สินรอการขาย ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 2.4% อย่างไรก็ตามคาดว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารจะปรับตัวสูงขึ้นในปี 2553 เนื่องจากการลดลงของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และการขยายตัวของสินเชื่อ

สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของ TMB ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องเป็น 60.2 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2552 จาก 70.6 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2551 เนื่องจากการขายสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จำนวน 15 พันล้านบาทในช่วงครึ่งปีแรกปี 2552 แต่ทั้งนี้สัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของ TMB ยังคงอยู่ในระดับเดิมที่ประมาณ 16% ของสินเชื่อรวม เนื่องจากสินเชื่อของธนาคารที่ลดลง TMB มีสำรองหนี้สงสัยจะสูญและอัตราส่วนสำรองหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ระดับ 35.9 พันล้านบาท และ 59.6% ตามลำดับ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2552 ทั้งนี้อัตราส่วนสำรองหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์อื่น ส่งผลให้ธนาคารมีความเสี่ยงในการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นในอนาคต แต่อย่างไรก็ตามคาดว่ารายได้ของธนาคารจะสามารถช่วยลดผลกระทบส่วนใหญ่จากการตั้งสำรองที่อาจเพิ่มขึ้น

ขณะที่อัตราส่วนสภาพคล่องและเงินกองทุนของธนาคารโดยรวมยังคงอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะมีความผันผวน เงินกองทุนชั้นที่ 1 และเงินกองทุนรวมของธนาคารปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก ตั้งแต่การเพิ่มทุนของธนาคารในเดือนธันวาคม 2550 โดยธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนอยู่ในระดับ 11% สำหรับเงินกองทุนชั้นที่ 1 และ 15% สำหรับเงินกองทุนรวม ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2552 ทั้งนี้ระดับเงินกองทุนดังกล่าวน่าจะสามารถรองรับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอได้ในระดับหนึ่ง และจะช่วยให้ธนาคารสามารถรองรับการตั้งสำรองเพิ่มเติมได้



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ