ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 ต.ค.) โดยมีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งทะยานขึ้นนำตลาด ขณะที่นักลงทุนเริ่มคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 78.07 จุด หรือ 0.8% แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 9,864.94 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 6.01 จุด หรือ 0.6% แตะที่ 1,071.48 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดเพิ่มขึ้น 15.35 จุด หรือ 0.7% แตะที่ 2,139.28 จุด
เจฟฟรีย์ ซอท นักวิเคราะห์จากบริษัทเรย์มอนด์ เจมส์ แอนด์ แอซโซซิเอทส์ ในกรุงเซนต์ปีเตอร์เสบิร์ก รัฐฟลอริด้ากล่าวว่า "ตลาดหุ้นกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เคลื่อนไหวในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนมองว่า ผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้จะดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และในอนาคตตลาดจะได้รับเม็ดเงินลงทุนใหม่ๆหลั่งไหลเข้ามาอีก ซึ่งอาจทำให้ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นทะลุ 1,200 จุดในช่วงสิ้นปีนี้"
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังจากที่เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดกล่าวสุนทรพจน์ที่วอชิงตัน โดยเขาได้ส่งสัญญาณถึงการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินทันทีที่เศรษฐกิจฟื้นตัว พร้อมทั้งกล่าวถึงความจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยมาในระดับหนึ่ง เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้ไม่ได้พูดถึงการแสดงความคิดเห็นของคณะกรรมการเฟดในช่วงที่เฟดมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย โดยนายเควิน วาร์ช ผู้ว่าการเฟดมองว่า เฟดจำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัดส่วนที่มากกว่าแต่ก่อน ขณะที่นายวิลเลียม ดั๊ดลีย์ ผู้ว่าการเฟดสาขานิวยอร์กกล่าวว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐยังไม่มากพอที่เฟดจะต้องรีบขึ้นดอกเบี้ย และความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อก็มีอยู่ไม่มากนัก
ในส่วนของข้อมูลเศรษฐกิจนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานยอดขาดดุลการค้าที่ปรับตัวลดลง 3.5% มาอยู่ที่ 3.07 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนส.ค. เนื่องจากการส่งออกลดลงเพราะความต้องการน้ำมันซบเซา ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ หุ้นอินเตอร์เนชั่นแนล บิสิเนส แมชีนส์ คอร์ป (ไอบีเอ็ม) พุ่งขึ้นเป็นแกนนำในการหนุนให้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดเคลื่อนไหวในแดนบวก หลังจากที่บาร์เคลย์สปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนในหุ้นกลุ่มผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ โดยให้เหตุผลว่า อุปสงค์ในตลาดดังกล่าวกำลังกระเตื้องขึ้น
นอกจากนี้ หุ้นกูเกิลเคลื่อนไหวภายใต้แรงซื้อของนักลงทุนที่ส่งเข้ามาอย่างคึกคัก หลังจากที่เครดิต สวิส กรุ๊ป เอจี ปรับเพิ่มประมาณการณ์ราคาหุ้น พร้อมทั้งกล่าวว่าธุรกิจวิจัยของบริษัทจะได้รับอานิสงส์จากการดีดตัวในกลุ่มธุรกิจโฆษณา