(เพิ่มเติม) "เกียรติธนา ขนส่ง" กำหนดราคาขาย IPO 4.50 บ./หุ้น เข้าเทรด 21 ต.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 12, 2009 15:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิชา โตมานะ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน บมจ.เกียรติธนา ขนส่ง (KIAT) เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 40 ล้านหุ้น ที่ราคา 4.50 บาท/หุ้น โดยจะเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 14-15 ต.ค.และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ในวันที่ 21 ต.ค.นี้

"การกำหนดราคา IPO ที่ 4.50 บาทถือเป็นราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน มีส่วนลดให้กับนักลงทุนประมาณ 50% เมื่อเทียบกับดัชนีตลาด mai ย้อนหลัง 3 เดือน ซึ่งอยู่ที่ 14.5 เท่า โดยผลประกอบการที่ผ่านมาขยายตัวต่อเนื่องทุกปี" นายวิชา กล่าว

นายวิชา กล่าวว่า KIAT ถือเป็นอีกบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและมีผลประกอบการเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดีมาโดยตลอด ซึ่งราคาไอพีโอที่ 4.50 บาท ถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน มีส่วนลดให้นักลงทุนประมาณร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับดัชนีตลาด mai ย้อนหลัง 3 เดือน ซึ่งอยู่ที่ 14.5 เท่า

ผลประกอบการที่ผ่านมามีการขยายตัวต่อเนื่องทุกปี แม้บางปีภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลงก็ตาม โดยครึ่งแรกของปี 52 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 60.87 ล้านบาท เติบโต 347.17% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 13.61 ล้านบาทของงวดเดียวกันของปี 51 และเติบโต 50.40% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิของทั้งปี 51 ซึ่งเท่ากับ 40.47 ล้านบาท และแนวโน้มในครึ่งปีหลัง คาดว่าเติบโตต่อเนื่อง

นอกจากนี้ KIAT ยังมีแผนขยายการให้บริการขนส่งในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรองรับความต้องการผู้ให้บริการขนส่ง และเป็นการเพิ่มโอกาสขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศด้วย และด้วยปัจจัยพื้นฐานที่ดีบวกกับสภาพการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่คึกคักอย่างมากในช่วงนี้ คาดว่าเมื่อเปิดให้จองซื้อหุ้นไอพีโอของ KIAT จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี

นายเกียรติชัย มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการ KIAT กล่าวว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและขยายธุรกิจการให้บริการขนส่ง โดยขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศมากขึ้น อาทิ ประเทศลาว และประเทศเพื่อนบ้าน โดยในปี 2553 คาดว่าจะเริ่มเห็นรายได้จากต่างประเทศเข้ามาอย่างชัดเจนขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะเข้าประมูลงานขนส่งสินค้าเชื้อเพลิง พลังงาน สารเคมี และวัตถุอันตราย ให้กับธุรกิจและอุตสาหกรรมในประเทศมากขึ้น เพื่อผลักดันให้รายได้ของบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องในทุกๆ ปี

ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังรายได้จะเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 255.92 ล้านบาท และทั้งปีจะมีรายได้ 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 51 ที่มีรายได้ 480 ล้านบาท เนื่องจากค่าขนส่งที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังที่บริษัทได้รับการขนส่งให้ลูกค้ามากขึ้น รวมทั้งสัญญาการขนส่งก๊าซ NGV ที่สถานีของ PTT ที่ขอนแก่นในปริมาณที่เพิ่มขึ้นเป็น 150 ตัน/ปี จากช่วงต้นปี 52 ที่มีปริมาณการขนส่ง 60-70 ตัน/ปี

อนึ่ง บริษัทมีความสามารถในการขนส่งก๊าซได้เต็มกำลังที่ 200 ตัน/ปี

"การที่เราเป็นธุรกิจเฉพาะขนส่งสารเคมีอันตรายจึงทำให้มาร์จิ้นเราค่อนข้างดี ซึ่ง 6 เดือนนี้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin:GP) อยู่ที่ 55% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin:NP) อยู่ที่ 23.8% จึงไม่น่าจะยากสำหรับการตัดสินใจของนักลงทุนในการซื้อหุ้น อีกทั้งการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ ยังมีส่วนให้นักลงทุน 50%"นายเกียรติชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม มองว่าในปีหน้าบริษัทจะปรับเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 10% จาก 2-3% ในปัจจุบัน โดยมองการขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ