นายนิคคิล อาเทล ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การเงิน บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น (SAMART)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"โดยยอมรับว่า ทางกลุ่ม SAMART ได้ยื่นข้อเสนอต่อกลุ่มเทมาเสกเพื่อซื้อหุ้น บมจ.ไทยคม (THCOM) ที่ทางบมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น(SHIN)ถืออยู่ ซึ่งทางกลุ่มเทมาเสกตอบรับที่จะพิจารณาข้อเสนอดังกล่าว
ทั้งนี้ กลุ่ม SAMART คาดว่าการเข้าซื้อหุ้น THCOM จะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 3-4 พันล้านบาท หากคิดมูลค่าตามตลาดปัจจุบันราคาหุ้น THCOM ซึ่งทางบริษัทได้เตรียมความพร้อมด้านการเงินไว้อยู่แล้วก่อนที่จะขอเสนอซื้อหุ้นดังกล่าว
แหล่งข่าวจาก SAMART คาดว่าทางกลุ่มเทมาเสกจะต้องใช้เวลาในการพิจารณาข้อเสนอของทาง SAMART พอสมควร จากเดิมที่คาดว่าจะได้คำตอบเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากทางกลุ่มเทมาเส็กยังค่อนข้างกังวลในประเด็นผลกระทบในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านธุรกิจและการเมือง เพราะอาจมีผู้ไม่เข้าใจและคัดค้านการซื้อขายหุ้นครั้งนี้
แต่ทางกลุ่ม SAMART ก็หวังว่าเทมาเสกอาจจะตัดสินใจขายธุรกิจในมือบางส่วน เนื่องจากขณะนี้เทมาเสกประสบปัญหาขาดทุนจากการลงทุนทั่วโลกกว่า 2.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
"แม้ว่าเทมาเสกจะได้เงิน 3-4 พันล้านบาทจากการขายหุ้นไทยคมให้กับ SAMART แต่เป็นเงินเล็กน้อยเมื่อเทียบกับกองทุนระดับโลกอย่างเทมาเสก เขาอาจจะคำนึงถึงปัญหาการเมืองมากกว่าธุรกิจก็ได้" แหล่งข่าว กล่าว
ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่ากลุ่มอะเซียตา ซึ่งเป็นกลุ่มสื่อสารจากมาเลเซีย ต้องการขายหุ้น SAMART ที่ถืออยู่ในนามของบริษัท TM International Berhad และหุ้นที่ถืออยู่ใน บมจ.สามารถ ไอ-โบาย(SIM)นั้น นายนิคคิล กล่าวว่า กลุ่มอะเซียตายังไม่เคยติดต่อว่าต้องการขายหุ้นทั้ง SAMART และ SIM เข้ามา เนื่องจากการเข้ามาซื้อของกลุ่มอะเซียตามีเงื่อนไขว่าหากต้องการขายหุ้น SAMART จะต้องเสนอขายให้กับกลุ่มวิไลลักษณ์เป็นกลุ่มแรก และหากต้องการขายหุ้น SIM ก็จะต้องเสนอขายให้กลุ่ม SAMART เป็นรายแรกเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวมองว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่กลุ่มอะเซียตาจะตัดขายหุ้น SAMART เพราะธุรกิจสื่อสารในประเทศไทยอยู่ระหว่างการเติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะกำลังจะมีระบบ 3G, MVNO , WIMAX รวมทั้ง กลุ่ม SAMART เป็นบริษัทสื่อสารสัญชาติไทยที่มีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE)