นายเอนก วาสนาสมปอง กรรมการผู้จัดการ สายการปฏิบัติการ บมจ.โรแยล ซีรามิค อุตสาหกรรม(RCI)กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 53 จะเติบโตราว 20% จากในปีนี้ที่คาดว่าจะทำยอดขายได้ 1.2 พันล้านบาท ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า
พร้อมทั้งหวังว่าผลประกอบการในปีหน้าจะพลิกเป็นมีกำไรได้ เนื่องจากบริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์กระเบื้องผนังรุ่นใหม่ที่มีอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)สูงขึ้นประมาณ 5% ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้และกำไรในปีหน้าขยายตัว รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
"การที่บริษัทออกสินค้าใหม่จะทำให้บริษัทมีมาร์เก็ตแชร์กลับมาที่ระดับเดิมที่ 8% ได้ที่เคยทำได้ในปี 47-48 จากปีนี้ที่มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 5-6%"นายเอนก กล่าว
บริษัทยอมรับว่าในไตรมาส 3/52 ยังคงมีผลขาดทุนอยู่ แต่จะขาดทุนลดลงจากไตรมาส 2/52 ที่มีผลขาดทุน 40.31 ล้านบาท เนื่องจากสัญญาณการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้น และในปีนี้คาดว่ายังคงยังขาดทุนต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีผลขาดทุน 156.68 ล้านบาท แม้มาร์จิ้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 22% จากปีก่อนอยู่ที่ 20%
"ตอนนี้ไตรมาส 3 นี้กำลังการผลิตเราเกือบใช้ 100% จากไตรมาส 2 ที่น่าจะเป็นจุดเลวร้ายไปแล้ว จากนี้ไปเราจะค่อยๆปรับตัวเพิ่มขึ้นตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยที่ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมามีแนวโน้มที่ดี" นายเอนก กล่าว
นายเอนก กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีแรกมียอดขายกระเบื้องโดยรวมเท่ากับ 73 ล้านตารางเมตร ลดลง 15-20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากภาวะเศรษฐกิจชะลอรวมถึงภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซบเซา รวมทั้งการแข่งขันเรื่องด้านราคาสูง ซึ่งเชื่อว่าสงครามราคาจะยังคงมีต่อเนื่อง ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการลดราคาสินค้าบางประแภทลงไปแล้วประมาณ 10%
ส่วนตลาดส่งออก บริษัทมีสัดส่วนส่งออกประมาณ 10% โดยตลาดหลัก คือ ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย และปัจจุบันได้มีการขยายตลาดไปที่สิงคโปร์ ดูไบ และ อินเดีย ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้จากการส่งออกให้เพิ่มขึ้นในอนาคตด้วย
สำหรับกระแสข่าวที่มีการมองว่าบริษัทอาจเข่าข่ายถูกเทคโอเวอร์กิจการ เนื่องจากยังมีผลขาดทุนอย่างต่อเนื่องนั้น นายเอนก กล่าวว่า ไม่น่าจะมีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น เพราะปัจจุบันบริษัทยังมีความสามารถดำเนินธุรกิจ และบริษัทยังคงเพิ่มสินค้าใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับกระเบื้อง เซรามิค ได้แก่ กาวยาแนว เป็นต้น