นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ ประธานเจ้าหน้าที่คณะผู้บริหาร บมจ.ไทยคม(THCOM) ยอมรับว่าการถึงจุดคุ้มทุนทางธุรกิจของ iPSTAR คงต้องเลื่อนไปเป็นปี 53 จากเดิมที่คาดว่าจะเป็นปีนี้ เนื่องจากการเจรจาเปิดตลาดในประเทศอินเดียเพิ่งสรุปได้ในช่วงปลายปี ทำให้การรับรู้รายได้ล่าช้ากว่าแผน
อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการในปีหน้าจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ เนื่องจากแนวโน้มธุรกิจ iPSTAR ดำเนินไปได้ดีขึ้น โดยเฉพาะอัตราการเช่าช่องสัญญาณ(Bandwidth)น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 20% จาก 10% ในปีนี้โดยมาจากลูกค้าหลักในอินเดีย และจีน
"ในปีหน้าเราคาดว่า Bandwidth จะถึง 20% จากตลาดอินเดียเป็นหลัก รวมจีนด้วย" นายอารักษ์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ทั้งนี้ ตลาดอินเดียคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในเดือน พ.ย.52 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างติดตั้งเกตเวย์
นายอารักษ์ กล่าวว่า การทำตลาด IPSTAR มีแนวโน้มเติบโตได้ดีมากทั้งในตลาดอินเดียและจีน จากการที่บริษัทขายผ่านหน่วยงานรัฐ ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้ก็จะกระจายไปยังผู้ใช้รายย่อย โดยในตลาดจีนผ่านทางไชน่าเทเลคอมและบริษัทเข้าไปช่วยทำตลาดด้วย ก็แน่ใจว่าตลาดจีนก็จะทยอยเติบโต ส่วนในอินเดีย เบื้องต้นมีความต้องการมากพอสมควร
สำหรับดาวเทียมไทยคม 2 ที่จะหมดอายุในช่วงต้นปี 53 นั้น นายอารักษ์ กล่าวว่า บริษัทยังไม่จำเป็นต้องหาดาวเทียมมาทดแทน และบริษัทไม่มีแผนลงทุนสร้างดาวเทียมดวงใหม่ เพราะสามารถย้ายลูกค้าจากไทยคม 2 ไปที่ไทยคม 5 ได้ โดยหลังจากย้ายแล้วไทยคม 5 ก็ยังจะมี capacity เหลืออยู่ 20%
แต่บริษัทเห็นโอกาสในการเข้าประมูลดาวเทียมของสหรัฐที่กำลังจะขายทอดตลาดประมาณปลายเดือน ต.ค.นี้ จึงได้ขอความเห็นชอบจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศทและการสื่อสาร(ICT)ก่อน แม้ว่าบริษัทจะมีสิทธิจะเข้าประมูลได้ด้วยตัวบริษัทเอง แต่เมื่อสินทรัพย์จะต้องโอนเข้าหน่วยงานรัฐ จึงควรถามก่อนเพราะหากประมูลได้จะได้ไม่เกิดปัญหาภายหลัง
"เราเห็นเป็นโอกาสที่ดีในการทำธุรกิจที่เราจะเข้าไปประมูลดาวเทียมสหรัฐที่เขามีปัญหาและต้องการใช้เงิน แต่ว่าไม่ใช่เราจะไปประมูลเพื่อทดแทนดาวเทียมไทยคม 2"นายอารักษ์ กล่าว
ด้านนายธนฑิต เจริญจันทน์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่การเงินบริหารด้านการเงิน THCOM กล่าวว่า จากการที่บริษัทจะออกหุ้นกู้จำนวน 7 พันล้านบาท เพื่อนำไปชำระคืนเงินกู้ 226 เหรียญสหรัฐจะทำให้บริษัทสามารถลดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และทำให้งบการเงินไม่ผันผวน
หุ้นกู้ของบริษัทจะแบ่งเป็น 2 ชุด คืออายุ 3 ปี และ 5 ปี ซึ่งจะเน้นเสนอขายให้กับนักลงทุนทั่วไป มากกว่านักลงทุนสถาบัน ในช่วงต้นเดือนพ.ย.นี้ ผ่านธ.กรุงเทพ ธ.กสิกรไทย ธ.กรุงไทย ธ.สแตนดาร์ดชาร์ดเตอร์(ไทย) และ ธ.ทหารไทย
นายธนฑิต กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) 0.6 เท่า และมูลค่าทางบัญชีที่ 15-16 บาท/หุ้น