ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีเมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และอินเทล นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขว่างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาดของอังกฤษ
บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 101.95 จุด ปิดที่ 5,256.10 จุด
ฌากส์ ปาสคาล นักวิเคราะห์จากบริษัท Ofi Patrimoine กล่าวว่า ตลาดหุ้นลอนดอนทะยานขึ้นขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ ที่รายงานว่ากำไรไตรมาส 3 พุ่งขึ้นแตะ 3.59 พันล้านดอลลาร์ หรือ 82 เซนต์ต่อหุ้น จากระดับ 527 ล้านดอลลาร์ หรือ 9 เซนต์ต่อหุ้นในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์โพลล์บลูมเบิร์กคาดว่ากำไรจะอยู่ที่ 51 เซนต์ต่อหุ้น
ขณะที่บริษัท อินเทล คอร์ป ผู้ผลิตชิปรายใหญ่สุดของโลกรายงานว่า กำไรสุทธิในช่วงไตรมาสสามอยู่ที่ 1.9 พันล้านดอลลาร์ หรือ 33 เซนต์/หุ้น เทียบกับปีก่อนนี้ที่ 2.01 พันล้านดอลลาร์ หรือ 35 เซนต์/หุ้น แต่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 28 เซนต์/หุ้น
หุ้นริโอทินโต บริษัทเหมืองรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก พุ่งขึ้น 5.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า ผลผลิตเหล็กดิบในไตรมาส 3 พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากอุปสงค์จากผู้ผลิตเหล็กในจีนปรับตัวสูงขึ้น โดยผลผลิตเหล็กดิบเพิ่มขึ้น 12% สู่ระดับ 47.5 ล้านตันในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ จากระดับ 42.4 ล้านตันในปีก่อนหน้านี้ และเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส
ขณะที่หุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเหมืองทะยานขึ้นหลังจากราคาทองแดงในตลาดโลกพุ่งขึ้น 2.3% โดยหุ้นเวแดนต้า ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองทองแดงรายใหญ่ของชิลี พ่งขึ้น 7.7% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน บริษัทเหมืองยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของโลก ปิดพุ่ง 4.3% ส่วนหุ้นธนาคารบาร์เคลย์ปิดบวก 6.6% เพราะได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค