บมจ.วินโคส อินดัสเตรียล พาร์ค(WIN)เผยแผนงานสะดุดตามโครงการลงทุนในมาบตาพุด เหตุปริมาณการขนส่งไม่พุ่งแรงก้าวกระโดดอย่างที่หวังไว้ว่าจะช่วยผลักดันให้เริ่มเห็นกำไรได้บ้างภายในปีนี้ ทำให้ต้องดำเนินธุรกิจไปตามปกติ แต่ปี 53 มั่นใจว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ประกอบกับ เศรษฐกิจฟื้นตัวชัดเจน คาดว่าผลประกอบการจะเริ่มมีกำไรได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/54
นายปกครอง ทองรักษ์ กรรมการ WIN กล่าวว่า หลังศาลปกครองมีคำสั่งให้ระงับ 76 โครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ทำให้จากที่เราคาดปริมาณการเติบโตของการขนส่งสินค้าเม็ดพลาสติกต้องมีอันสะดุดลง
"ถ้าไม่มีเรื่องศาลปกครองสั่งระงับ 76 โครงการเราคาดว่าจะสามารถขนส่งเม็ดพลาสติกได้ 240 ตู้/วัน จาก 120 ตู้/วันในปัจจุบัน เนื่องจากธุรกิจหลักของเราอยู่ที่มาบตาพุด และลูกค้าในมาบตาพุดเกือบทั้งหมดเป็นอุตสาหกรรมเม็ดพลาสติก"นายปกครอง กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นายปกครอง กล่าวว่า เดิมบริษัทหวังว่าหากปีนี้สามารถขนส่งเม็ดพลาสติกเพิ่มเป็น 240 ตู้/วัน ก็น่าจะทำให้บริษัทเริ่มเห็นกำไรได้ภายในปีนี้ เพราะขณะนี้ EBITDA ยังเป็นบวก อัตราหนี้สินต่อทุน(D/E)เกินมาเล็กน้อย แต่เมื่อเหตุการณ์พลิกผันเป็นแบบนี้บริษัทก็คงต้องดำเนินธุรกิจไปตามปกติ แต่ยังเชื่อว่าปี 53 เศรษฐกิจจะฟื้นตัวแน่นอน กำลังซื้อเม็ดพลาสติกก็จะกลับมาสู่ภาวะปกติ ทำให้คาดว่า WIN น่าจะเริ่มเห็นกำไรได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/54 เป็นต้นไป
อนึ่ง ปี 49 WIN ขาดทุน 32.30 ล้านบาท ปี 50 ขาดทุน 147.87 ล้านบาท ปี 51 ขาดทุน 93.59 ล้านบาท งวด 6 เดือนแรกของปี 52 ขาดทุน 36.20 ล้านบาท
นายปกครอง กล่าวว่า เป้าหมายปัจจุบัน บริษัทคาดว่าสิ้นปี 52 การขนส่งสินค้าจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดไปยังแหลมฉบังจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.8-3.0 พันตู้/เดือน ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 3/52 ที่มีปริมาณขนส่ง 2.0-2.6 พันตู้/เดือน ขณะที่ไตรมาส 1/52 และไตรมาส 2/52 มีปริมาณขนส่งราว 1.5 พันตู้/เดือน
ส่วนปี 53 บริษัทคาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นกว่านี้อีก โดยตั้งเป้าปริมาณขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นเป็น 3.5-3.8 พันตู้/เดือน
"เรามองว่าเศรษฐกิจโลกผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ปี 53 จะเป็นช่วงของการฟื้นตัว กำลังซื้อจะกลับมา และปี 54 เราหวังว่าจะมีกำไร โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นกำไรตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 54"นายปกครอง กล่าว
ส่วนกรณีที่บริษัทให้บริษัทย่อย คือ บริษัท วินโคสท์ โลจิสติกส์ (วินโลฯ) เข้าแผนฟื้นฟูกิจการนั้น นายปกครอง กล่าวว่า ที่ผ่านมาผลขาดทุนที่เกิดขึ้นกับ WIN ส่วนใหญ่เกิดจากธุรกิจของวินโลฯ เกิดปัญหา แม้ว่าที่ผ่านมาธุรกิจของวินโลฯ ประสบผลดีมาตลอด โดยปี 50 ขนส่งได้ 3 หมื่นตู้/ปี หรือ 2.5 พันตู้/เดือน, ปี 51 เพิ่มเป็น 3.2 หมื่นตู้/ปี หรือประมาณ 2.66 พันตู้/เดือน
แต่พอเข้าสู่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 51 เศรษฐกิจโลกเกิดวิกฤตทำให้ทุกอย่างกลับตาลปัตรปริมาณการขนส่งลดลงเหลือเพียงประมาณ 1 พันตู้/เดือนเท่านั้น บวกกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในก่อนหน้านี้ทำให้บริษัทตัดสินใจยื่นขอนำ วินโลฯ เข้าแผนฟื้นฟูกิจการเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินที่มีอยู่ประมาณ 120 ล้านบาท
"ตอนนี้วินโลฯ กำลังพยายามแต่งตัวใหม่ ขอเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ แล้วจากนั้นเราก็จะไปเจรจาเจ้าหนี้การค้าที่มีอยู่ประมาณ 70 ล้านบาท ส่วนอีกประมาณ 50 ล้านบาท เป็นหนี้ที่เกิดจากการลงทุนตั้งแต่ต้น"นายปกครอง กล่าว